สร้างสรรค์ความเมตตาและหมู่บ้านมังสวิรัติทั่วโลก

เกาหลี

กรุงโซล

เกิดกระแสนิยมอาหารมังสวิรัติในเกาหลี

รายงานโดยกลุ่มข่าวกรุงโซล (ต้นฉบับเป็นภาษาเกาหลี)

"นิทรรศการสิ่งแวดล้อมกับการเกษตร—ชีวิตกับสันติภาพปี 2549" จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ปีทองที่ 3 (2549) ประกอบกับองค์กรมังสวิรัติจำนวน 70 แห่งมาร่วมงานด้วย เพื่อแนะนำถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมกับความสำคัญในการทำเกษตรอินทรีย์ กับอาหารการกินเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด

 

ศูนย์กรุงโซลของสมาคมนานาชาติอนุตราจารย์ชิงไห่ได้มาร่วมงานครั้งนี้ด้วย เผยแพร่ข่าวสารทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิตอย่างเต็มที่ เพื่อนบำเพ็ญนอกจากบริการอาหารมังสวิรัติให้ชิมฟรี แจกแผ่นปลิว จัดงานขานรับอาหารมังสวิรัติและจัดให้ลงชื่อขอให้หยุดทำร้ายสัตว์

ผู้คนมากมายหลังจากได้มาชิมอาหารมังสวิรัติแล้ว ต่างแปลกใจถึงรสชาติที่อร่อยและหลากหลายของอาหารมังสวิรัติ เนื่องจากประชาชนที่มาชิมอาหารมีมากมาย อาหารที่เพื่อนบำเพ็ญจัดเตรียมมาหมดก่อนงานเลิก แม้จะไม่มีอาหารให้ชิม ผู้คนมากมายก็ยังให้ความสนใจต่อร้านของพวกเรามาก

มีเพื่อนวัยหนุ่มสาวมากมายกับนักศึกษาให้การสนับสนุนพวกเราเรื่อง "รักและคุ้มครองชีวิต-คนมาเซ็นชื่อเป็นพันหมื่น" จุดมุ่งหมายของงานนี้คือ 1. ทานอาหารมังสวิรัติวันละ 1 มื้อ 2. โรงครัวขององค์กรต่าง ๆ เช่น โรงเรียน บริษัท ทหารกับเรือนจำให้บริการอาหารมังสวิรัติ 3. ออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ แม้พวกเราจะไม่ได้เชิญชวนทุกคน แต่ก็มีผู้คนมากมายมาลงชื่อในวันนั้น มีคนมาลงชื่อจำนวน 1,500 คน ทำลายสถิติการจัดงานครั้งนี้

พวกเราเผยแพร่ทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิตที่เกาหลี เป็นเวลานาน 9 เดือน ปัจจุบันพวกเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่พวกเราเริ่มเผยแพร่อาหารมังสวิรัติ และเรียกร้องให้ทานอาหารมังสวิรัติวันละ 1 มื้อ เพื่อช่วยเหลือโลกมาดึงดูดผู้คน แต่ปัจจุบันได้เสนอขอร้องเปลี่ยนแปลงอาหารการกิน ทานมังสวิรัติตลอดชีวิตที่ดีกว่าและมีพลังดึงดูดมากขึ้น แสดงว่าผู้คนสามารถยอมรับอุดมการณ์อาหารมังสวิรัติแล้ว

ในวันรุ่งขึ้นการจัดงานนิทรรศการ คือ วันที่ 30 ตุลาคม สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในเกาหลี ได้แพร่ภาพรายการหนึ่งที่น่าตื่นตระหนก-มนุษย์โรควัวบ้า รายงานว่าอาหารวัวที่มีส่วนผสมของสัตว์ ทำให้เกิดโรควัวบ้า มนุษย์ถ้าไปทานเนื้อวัวชนิดนี้ จะติดโรควัวบ้าเช่นกัน รายการดังกล่าวยังได้แพร่ภาพกรรมวิธีในการผลิตเนื้อวัวที่น่ากลัว ทำให้ชาวเกาหลีต่างมีเสียงสะท้อนมากมาย ผู้คนมากมายต่างบอกว่าจะเลิกทานเนื้อสัตว์แล้วมาทานมังสวิรัติ ผู้ปกครองก็เสนอไม่ให้เด็กทานอาหารเที่ยงที่มีเนื้อสัตว์ในโรงเรียน

ผู้คนมีความเข้าใจที่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อสัตว์ เพื่อนบำเพ็ญชาวเกาหลีสังเกตว่ากระแสอาหารมังสวิรัติกับยุคทองได้มาถึงแล้ว เพื่อเป็นการขับเคลื่อนกระแสดังกล่าว เพื่อนบำเพ็ญจะดำเนินการเผยแพร่ข่าวสารทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิตของท่านอาจารย์ต่อไป

บูซาน

ความรักของแดนดิเลี่ยนทำให้เกาหลีเต็มไปด้วยความอบอุ่น
พระสงฆ์ศาสนาพุทธ ดูตา
บริการอาหารและเครื่องดื่มแด่ผู้สูงอายุและเพื่อนพเนจรฟรี

รายงานโดยกลุ่มข่าวเกาหลี (ต้นฉบับเป็นภาษาเกาหลี)

ร้านอาหารแดนดิเลี่ยนที่ดำเนินการโดยพระสงฆ์ศาสนาพุทธ ดูตา เริ่มบริการอาหารฟรีให้กับเพื่อนพเนจรกับคนชราที่มีรายได้ต่ำในเดือนสิงหาคมปี 2548 เพื่อแบ่งปันความรักกับคนยากจน ร้านอาหารนี้เมื่อเริ่มก่อตั้ง มีสถานที่คับแคบ แต่ปัจจุบันมีสถานที่ 2 แห่ง จากการสนับสนุนของผู้คนในสังคมกับผู้อาสาสมัคร ได้บริการอาหารให้กับผู้คนจำนวน 130 คน

เดือนกรกฎาคม ปีทองที่ 3 (2549) ดูตา บังเอิญเห็นแผ่นปลิวธรรมวิถีกวนอิมที่ถูกลมพัดปลิวมา มีตารางเวลาการจัดนิทรรศการภาพวาดของท่านอาจารย์ ดูตา กล่าวว่า "ขณะนั้น อาตมากำลังเก็บเงินบริจาค อาตมาเห็นแผ่นปลิวอยู่ที่ด้านหลังอาตมา ต้องเกี่ยวกับบุญสัมพันธ์ พระสูตรกล่าวว่า เมื่อคุณไปถึงระดับจิตว่าง ไร้คำพูด ก็จะสามารถได้ยินกระแสเสียง [ว่างเปล่า] บางครั้งอาตมาก็เคยได้ยินเสียงเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ยินบ่อยมาก แผ่นปลิวใบนี้บอกว่ามีเสียงจากภายใน ดังนั้น อาตมาจึงไปชมงานภาพวาด เพื่อหวังจะได้เข้าใจได้มากกว่านี้" ในงานนิทรรศการภาพวาด เขาตัดสินใจประทับจิต พร้อมเปลี่ยนร้านอาหารของเขาเป็นร้านอาหารมังสวิรัติทั้งหมด

 
หนังสือพิมพ์ในพื้นที่รายงานว่า พระดูตา ได้เปลี่ยนร้านแดนดิเลี่ยนเป็นร้านอาหารมังสวิรัติ

"ตอนแรกอาตมาคิดว่า ผู้สูงอายุต้องการโปรตีน แต่ไม่ทราบว่ามีเนื้อเจ กับโปรตีนจากถั่วที่เลือกได้ ลูกค้าหลายคนที่มาอุดหนุนอาหารมีโรคประจำตัว อาหารมังสวิรัติมีประโยชน์สำหรับพวกเขามากกว่า" ดังนั้น ร้านอาหารแดนดิเลี่ยนจึงเปลี่ยนแปลงทั้งหมด กลายเป็นร้านอาหารแห่งแรกที่ให้บริการอาหารมังสวิรัติฟรี

แต่ว่าเจ้าหน้าที่ผู้อาสาไม่ชำนาญการปรุงอาหารมังสวิรัติ บางคนต้องลาออกไป ศิษย์พี่ชาย – หญิงที่ศูนย์ฟูซาน จึงมาเสริมงานส่วนนี้ แต่ว่า เจ้าหน้าที่ผู้อาสาก็จำเป็นต้องเข้าใจประโยชน์ของอาหารมังสวิรัติ และทางที่ดีควรทานอาหารมังสวิรัติที่บ้านด้วย
จัดงานสัมมนาให้กับเจ้าหน้าที่ผู้อาสาร้านอาหารแดนดิเลี่ยน
ชิมอาหารมังสวิรัติที่เพื่อนบำเพ็ญจัดเตรียมมา

 

จากการเรียกร้อง ดูตา ศิษย์พี่ชาย–หญิงที่ศูนย์บูซานจึงมาจัดงานสัมมนาเรื่องอาหารมังสวิรัติขึ้นเป็นพิเศษให้กับเจ้าหน้าที่ผู้อาสาเกือบ 100 คน ก่อนอื่น ฉายภาพยนตร์แนะนำโทษของเนื้อสัตว์ ขณะที่ภาพยนตร์ฉายมาถึงสภาพความทุกข์ทรมานของไก่ วัวที่ถูกเลี้ยงในฟาร์ม ทุกคนต่างถอนหายใจออกมาดัง ๆ และเมื่อกล่าวถึงเด็ก ๆ ที่รับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไป ก่อให้เกิดโรคของผู้ใหญ่ ผู้ปกครองที่อยู่ในที่นั้น ต่างมีความกังวล

หลังจากภาพยนตร์จบลง เพื่อนบำเพ็ญได้อธิบายเพิ่มเติมถึงอาหารมังสวิรัติมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ปลอดภัย ความเมตตา กับการก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ เจ้าหน้าที่ผู้อาสาที่นั่งฟังอยู่ต่างเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของร้านอาหาร โดยนำเอาคำสอนของศาสนาพุทธมาปฏิบัติอย่างจริงจัง

หลังจากจบการสัมมนา พ่อครัวผู้อาสาได้รับการต้อนรับอย่างแขกผู้มีเกียรติ ได้ชิมอาหารมังสวิรัติหลากหลายที่อร่อย พวกเขาต่างสอบถามถึงวัสดุและวิธีการปรุงอาหารที่อร่อยเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ผู้อาสาคนหนึ่งกล่าวว่า "การมาร่วมงานในวันนี้ ทำให้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก ตอนแรกฉันมีความสงสัยต่อการบริการอาหารมังสวิรัติ แต่เวลานี้ฉันคิดว่าพระดูตาตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว" หัวหน้ากลุ่มผู้อาสาคุณคิมยุง-ฮีกล่าวว่า "ฉันตัดสินใจวันธรรมดาก็จะทานอาหารมังสวิรัติ"

ผู้จัดการแผนกการเงิน คิมนาม-ซูน กล่าวว่า "ช่างวิเศษจริง ๆ! ฉันได้เรียนรู้ข่าวสารมากมายที่เมื่อก่อนไม่ทราบมาก่อนเลย และเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วมนุษย์ไม่จำเป็นต้องทานเนื้อสัตว์ ฉันจะเสนออาหารมังสวิรัติต่อครอบครัว ภาพยนตร์เรื่องนี้ช่างน่าเศร้าจริง ๆ ทำให้ฉันไม่อยากจะดู แต่ฉันอยากจะให้คนมากกว่านี้ได้มาชม เพื่อจะได้มาสัมผัสและเข้าใจเหตุการณ์ที่แท้จริง" เจ้าหน้าที่ผู้อาสาทั้งหมดที่มาในงานต่างได้รับแผ่นปลิวทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิตและแผ่นซีดีที่เกี่ยวกับข่าวสารอาหารมังสวิรัติ

ต่อมาพระดูตาบอกกับพวกเราว่า การสัมมนาครั้งนี้มีผลกระทบทางบวกต่อเจ้าหน้าที่ผู้อาสามาก เวลานี้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น

การบริการที่ดีงามนี้กำลังดำเนินต่อไป มีศิษย์พี่ชายท่านหนึ่งให้บริการเนื้อเจฟรีตามที่ร้านอาหารต้องการ เพื่อนบำเพ็ญศูนย์บูซานต่างมีความจริงใจและกระตือรือร้น โดยรับผิดชอบบริการอาหารร้อน ๆ ให้กับผู้ยากจนทุกวันอังคาร

ซางจู

เพื่อนบำเพ็ญที่เป็นครูพยายามเรียกร้องให้ครูและนักเรียนสนใจอาหารมังสวิรัติ

รายงานโดยกลุ่มข่าวดาเจียน (ต้นฉบับเป็นภาษาเกาหลี)

ศิษย์พี่หญิงคิมสอนวิชาเต้นรำอยู่ที่โรงเรียนมัธยมนารี ที่เมืองซางจู เธอไม่เพียงนำเอาอุดมการณ์อาหารมังสวิรัติกับการบำเพ็ญแห่งจิตวิญญาณ ใส่ไว้ในวิชาการสอน พร้อมนำเอาผักอินทรีย์ที่ปลูกที่บ้านไปแบ่งปันกับเพื่อนร่วมงานที่โรงเรียน ทำให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของอาหารที่ตัวเองรับประทาน อาหารเนื้อสัตว์นำมาซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อม และทำไมต้องทานมังสวิรัติ

วันที่ 19 – 21 ตุลาคม ปีทองที่ 3 (2549) งานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง จัดขึ้นที่โรงเรียนศิษย์พี่หญิงคิม คณะผู้จัดงานอนุญาตให้เธอจัดรายการอาหารมังสวิรัติให้ชิมในงาน เพื่อนบำเพ็ญที่ศูนย์ ซอล อันดาง กับ ดองยอง ต่างให้การตอบสนองอย่างกระตือรือร้น จัดเตรียมอาหารมังสวิรัติปิ้ง เผาให้ทั้งโรงเรียน

อาหารมังสวิรัติเหล่านี้ทำให้ครูและนักเรียนต่างคิดถึงมาตลอด แฟ้มเอกสารทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิตก็ได้รับความชื่นชอบจากทุกคนเป็นอย่างมาก พวกเรายังได้จัดอาหารให้กับครูเอากลับบ้านไปทาน พวกเขาบอกว่าเด็ก ๆ ที่บ้านจะต้องชื่นชอบกับอาหารเหล่านี้อย่างแน่นอน พร้อมสอบถามว่าจะหาซื้อวัสดุเหล่านี้ได้จากที่ไหนบ้าง เพื่อวันข้างหน้าจะได้ปรุงให้ครอบครัวทานกัน

หลังจากงานจบสิ้นลง ครูและนักเรียนในโรงเรียนมีความคิดต่ออาหารมังสวิรัติเปลี่ยนไป เพราะพวกเขาเข้าใจแล้วว่า การทานอาหารมังสวิรัติไม่จำเป็นต้องงดอาหารที่อร่อย อาหารมังสวิรัติก็มีหลากหลาย ขณะเดียวกันมีประโยชน์ต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม

เมื่อเห็นการกระทำของคุณครูคนหนึ่งได้มีผลต่อโรงเรียนทั้งหมด ทำให้คนมีกำลังใจยิ่งขึ้น งานท้าทายของศิษย์พี่หญิงคิม ต่อไปคือการคักเลือกรายการอาหารมังสวิรัติมื้อกลางวัน แม้การเปลี่ยนรายการอาหารขององค์กรไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่เธอเชื่อมั่นว่าจะปรากฏเป็นความจริงในไม่ช้า

ดูภาพเล่านิทาน

1. ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีทองที่ 3 (2549) เพื่อนบำเพ็ญไปตั้งป้ายโชว์ทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิตที่สถานีรถไฟดองยอง เป็นเวลา 1 ปี


2.
เพื่อนบำเพ็ญศูนย์กรุงโซล ใช้รถตู้ไปเผยแพร่ข่าวสารทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิต