คุณอาจไม่รู้

 

ความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณยกระดับไอคิว

ปราศรัยโดยอนุตราจารย์ชิงไห่ บูดาเปสท์ ฌานฮังการี
26 กุมภาพันธ์ 2548 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

 

ระดับทางจิตวิญญาณยิ่งสูง ไอคิวก็ยิ่งสูง เพราะฉะนั้น ในหมู่พวกเรา เราจะมีไอคิวระดับอัจฉริยะ เพราะอย่าง 150 หรืออะไรบางอย่าง 140 นั่นเป็นไอคิวอัจฉริยะ เรามีกันอยู่เป็นจำนวนมาก! แต่บางครั้งลักษณะภายนอกจะหลอกเอาได้ คนบางคนดูโง่เขลา แต่ไม่โง่เขลา คนบางคนดูฉลาด แต่ไม่ฉลาด

เพราะยิ่งเธอพัฒนาทางจิตวิญญาณมากเท่าไร ไอคิวเธอก็จะยิ่งสูงเท่านั้น มันไปด้วยกันนะ มันไปด้วยกัน เธอไม่เคยสงสัยหรือว่า ทำไมไอน์สไตน์จึงฉลาดนัก? เขารับประทานมังสวิรัติ และเป็นเพราะอะไร? เขาจะต้องเคยบำเพ็ญอะไรบางอย่างมา มิฉะนั้น คนอย่างนั้น ทำไมจึงเป็นมังสวิรัติ? ในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครทราบด้วยซ้ำว่า การรับประทานมังสวิรัตินั้น คืออะไร!

เพราะฉะนั้น สาเหตุเดียวที่ไอน์สไตน์จะรับประทานมังสวิรัติก็น่าจะเป็นแต่เพราะว่า เขาเคยติดต่อกับโยคีบางท่านมาก่อนและเคยบำเพ็ญทางจิตวิญญาณมาก่อน ดังนั้น ไอคิวของเขาจึงสูงขึ้นมา เพราะ ณ เวลานั้น สิ่งเหล่านั้นเป็นอะไรที่หายากมาก ไม่มีใครทราบว่า โยคะคืออะไร ไม่มีใครนั่งสมาธิ ไม่มีใครรับประทานมังสวิรัติ เพราะฉะนั้น ไอน์สไตน์เป็น 1 ในคนจำนวนน้อยมากที่ทำอย่างนั้น แน่นอน ไอคิวของเขาจึงสูง! หากฉันโยนเธอกลับไปสู่ยุคนั้น พวกเธอก็ล้วนเป็นไอน์สไตน์ทั้งนั้น เพราะเธอจะฉลาดเกินไป สำหรับช่วงเวลานั้น

พวกเธอต่างก็เป็นไอน์สไตน์ ไอน์สไตน์ตัวใหญ่ ไอน์สไตน์ตัวเล็ก ไอน์สไตน์ขนาดจิ๋ว! เพราะไอคิวของเธอสูงขึ้นไปพร้อมกับการบำเพ็ญทางจิตของเธอ ระดับทางจิตนั้นจะเปิดทุก ๆ ช่องทาง จะชะล้างอะไรต่าง ๆ ที่ติดอยู่ภายใน 'เส้นเลือด' เธอ หรือแม้แต่เส้นเลือดทางกายภาพของเธอ เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และข้อมูลจะไปได้ดีขึ้น ทุก ๆ อย่างจะชัดเจนขึ้น

ยิ่งเธอไปสูงเท่าไร ช่องทางก็จะยิ่งเปิดชัดเท่านั้น เธอก็จะได้ข้อมูลมากขึ้น จะได้คำสั่งจากสมองที่ถูกต้องมากขึ้น มิฉะนั้นแล้ว ส่วนใหญ่แล้ว สมองนั้น ไม่ว่าจะฉลาด มันก็จะบอกให้เธอทำอะไร ๆ จริง แต่มือของเธอจะงุ่มง่าม จะมีอะไรติดขัดอยู่ตรงนี้ (ท่านอาจารย์ชี้ไปที่แขนส่วนบนของท่าน) เพราะฉะนั้นจะมีข้อมูลซึมผ่านเข้ามาได้เพียงนิดหน่อย เธอจึงทำอะไร ๆ ดีแค่ครึ่งเดียว ความติดขัดทางจิตวิญญาณ จะมีผลในความกระจ่างชัดทางกายภาพด้วย

ดังนั้น หากผู้คนไม่บำเพ็ญทางจิตแล้ว พวกเขาจะฉลาดน้อยกว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะฉลาดกว่านั้น ตอนที่พวกเขาอายุยังเยาว์ พอพวกเขาโตขึ้น พวกเขาทำลายตัวเองด้วยเนื้อสัตว์ ด้วยแอลกอฮอล์ หรืออะไรก็ตามแต่ หรือด้วยสภาพแวดล้อมอันทำลายเรา พวกเขาก็จะฉลาดน้อยลง เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่ว่า เราบำเพ็ญทางจิตวิญญาณ แล้วเราก็แค่ไปสวรรค์ แม้แต่บนดาวดวงนี้ เราก็สามารถนำมันมาใช้ได้แล้ว เราสามารถช่วยผู้อื่นได้ เพราะเราฉลาดกว่า เรากลายเป็นผู้นำ แล้วพอมีใครไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เราก็จะมา แล้วบอกว่า "อา นั่นเป็นเรื่องง่าย!" แล้วผ่านไป 2 นาที เธอก็หาวิธีแก้ไขให้ได้ แล้วพวกเขาก็จะคิดว่า "คุณดูมีอายุน้อยจัง! ทำไมจึงฉลาดนัก?"

ถ้ามีสถานการณ์มาทดสอบเธอ เธอก็ทราบว่า เธอฉลาด เพราะส่วนใหญ่แล้ว พวกเธอไม่ทราบเหมือนกัน เธอบำเพ็ญไป แล้วเธอก็จะค่อย ๆ งอกเงยขึ้น และเพราะแต่ก่อน เธอโง่เขลา เธอจะยังคงคิดว่า เธอยังคงโง่เขลาอยู่ (เสียงหัวเราะ) แต่พอมีสถานการณ์มาทดสอบเธอ เธอก็จะทราบ "อา ไอคิวฉันเพิ่มขึ้นมาหน่อยหนึ่ง!"

มันไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่มีอะไรมาทดสอบ แต่ยิ่งเธอถูกทดสอบ ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป เธอก็จะยิ่งตระหนักว่า เธอฉลาดจริง ๆ เดี๋ยวนี้ เธอฉลาดจริง ๆ! ไม่ใช่ว่าฉลาดมีเล่ห์เหลี่ยม แต่หมายถึงเฉลียวฉลาดจริง ๆ แล้วเธอก็จะรู้สึกภูมิใจ เธอทราบว่า การบำเพ็ญทางจิตวิญญาณนั้นได้ผลจริง ๆ แม้แต่คนในครอบครัวเธอ ผู้ร่วมงานเธอ ก็จะสงสัย พวกเขาจะบอกว่า "เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ? มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป! เธอทำอะไรไป?"

แต่ถ้าเธอไม่ได้อยู่ในสภาพเหตุการณ์ที่เธอสามารถทดสอบตัวเองได้ หรือที่ที่คนเห็นเธอได้ หรือรู้สึกถึงความแตกต่างของเธอได้ เพราะพวกเขาเคยอยู่กับเธอมาก่อน แล้วพวกเขาก็เลยรู้ความแตกต่าง แต่ถ้าเธอทำงานตามลำพัง เธออยู่ตามลำพัง แน่นอน จะไม่มีใครทราบหรือสังเกต แล้วเธอก็จะไม่คิดถึงมันเหมือนกัน แต่ถ้าเธอบังเอิญไปคลุกคลีกับคนอื่น ๆ เธอก็จะทราบว่า เธอต่างไปจริง ๆ เพราะพวกเขาก็ทราบเหมือนกันว่า เธอต่างไป! พวกเขาไม่ทราบว่า ทำได้อย่างไร ทำไม แต่พวกเขาทราบว่า เธอต่างไป ว่าเธอเติบโตขึ้นมาในทางหนึ่ง ว่าเธอมีอะไรบางอย่างแล้วเดี๋ยวนี้ ที่พวกเขาไม่เข้าใจ และที่พวกเขาไม่มี

เพราะฉะนั้น ถึงแม้ที่นี่ เธอกระจอก (เสียงหัวเราะ)แต่ฉันทราบว่า ข้างนอกนั้น เธอเป็นอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น อย่าคิดว่า ฉันไม่ทราบ ฉันเคารพจุดนั้น ฉันเคารพความสำเร็จนั้นของเธอ แต่ฉันไม่อยากให้เธอหยุดตรงนั้น! เธอมาที่นี่ ทุกครั้งฉันจะผลักดันเธอ จะเตะเธอ จะดึงเธอ จะขัดเธอ มันทำให้เธอดีขึ้น แล้วจากนั้น พอเธอกลับไปบ้านคราวหน้า เธอจะต่างไป! อย่าคิดว่า เธอด้อย ถึงแม้ว่าฉันตักเตือนเธอ มันเป็นเพียงกระบวนการ ที่เธอกำลังดำเนินผ่านไป ฉันอนุญาตให้เธอทำความผิดบ้างก็ได้ แน่นอน! เธอเป็นศิษย์! มิฉะนั้น เธอก็คงจะเป็นอาจารย์ไปแล้ว