จิตวิญญาณและวิทยาศาสตร์

 

การทำสมาธิช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินเพื่อบรรเทาการเจ็บป่วยและมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น

โดยพี่ประทับจิตหญิงโจลลี่ ชิว ซานโจเซ่ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

สมองของมนุยษ์เป็นเครือข่ายการสื่อสารความเร็วสูงด้วยการตอบสนองทางเคมีมากกว่า 100,000 เคมิเคล ที่เกิดขึ้นในแต่ละวินาที และยังเป็นเครื่องมือที่ใช้ส่งสัญญาณที่มีพลัง การปล่อยสัญญาณคลื่นไฟฟ้าที่สามารถประมาณได้นานเท่าที่จะนานสำหรับ 37 ชั่วโมงหลังความตาย นอกจากการครอบครองลักษณะที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ สมองยังผลิตมากกว่า 50 ส่วนประกอบอวัยวะที่สามารถเคลื่อนไหวเองได้ รวมถึงสารที่เรารู้จักกันคือ สารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารที่มีกำลังมาก มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น ความสามารถที่จะบรรเทาความเจ็บปวด ความเครียด และช่วยยืดอายุ

จอห์น ฮุกเฮส และ ฮานส์ คอสเตอร์ไลทซ์ ชาวสก็อตแลนด์ เป็นผู้ค้นพบครั้งแรกในปี 2518 สารเอ็นดอร์ฟิน 3 ชนิดที่ยังคงเป็นที่รู้จัก คือ อัลฟาร์ เบต้า และแกมม่า ซึ่งปรากฏว่าสารเบต้าเอ็นดอร์ฟินเกี่ยวเนื่องกับการบรรเทาความเจ็บปวดได้มากที่สุด นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า สารเบต้าเอ็นดอร์ฟินไม่เพียงแต่จะช่วยระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อต้านเชื้อโรค แต่ยังจัดหาภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเกิดเซลล์มะเร็ง

การปล่อยสารเอ็นดอร์ฟินเกิดขึ้นในสมองและถูกควบคุมโดยปัจจัยจำนวนหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการรับประทานเครื่องเทศ เช่น พริก พริกไทย พริกไทยเผ็ดมากเท่าไหร่ การหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินก็จะมีระดับที่สูงขึ้น อาหารที่เป็นที่นิยมอีกชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุให้เกิดการผลิตสารเอ็นดอร์ฟินก็คือ ช็อคโกแลต เป็นที่รู้กันว่าชาวแอซเทคของแม็กซิโกในสมัยก่อนถือว่า ช็อคโกแลตเป็น “อาหารของพระเจ้า”

การออกกำลังกายก็สามารถกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินได้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงถูกเรียกว่า “runner’s high” การวิจัยยังแสดงด้วยว่ากิจกรรมอื่น ๆ เช่น การเล่นวีดีโอเกมส์, การลูบคลำสัตว์เลี้ยง, การได้รับแสงรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต และการฝังเข็มลงบนจุดเฉพาะของร่างกาย อาจจะกระตุ้นการปล่อยสารเอ็นดอร์ฟิน ในที่สุดการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้เชื่อมกับการให้ยาที่ไม่มีฤทธิ์ทางยาซึ่งมีผลต่อสารเอ็นดอร์ฟิน เมื่อสารนั้นถูกให้กับกลุ่มบุคคลในการทดลอง ความเชื่อจะเกิดขึ้นว่ามันคือยาบรรเทาปวด เป็นเหตุให้มีการผลิตสารเอ็นดอร์ฟินซึ่งช่วยยับยั้งความเจ็บปวดของพวกเขา

นอกเหนือจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า นอกจากการระงับความกลัว และการลดความดันโลหิตแล้ว การทำสมาธิจะช่วยกระตุ้นการปล่อยสารเอ็นดอร์ฟิน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดสภาพร่างกายที่ดี และหนึ่งในคำบรรยายของท่านอาจารย์มีอยู่ว่า:

“หลังจากการรู้แจ้ง ความเจ็บป่วยหลาย ๆ อย่างของพวกเราได้หายไป มันไม่ได้เป็นเรื่องมหัศจรรย์ มันเป็นเพราะพลังภายในถูกกระตุ้น และควบคุมบางส่วนที่ถูกสร้างอย่างผิดพลาดในร่างกายและทำลายมัน คนส่วนใหญ่ค้นพบตัวเองด้วยการไม่เป็นมะเร็ง” (ดูเพิ่มเติมที่ธรรมสาร ฉบับที่ 154 “คำถามและคำตอบที่คัดสรรแล้ว-การรู้แจ้งกระตุ้นพลังการรักษาที่มีแต่เดิมของพวกเรา”)

การบรรยายอีกอันหนึ่ง ท่านอาจารย์กล่าวถึงการป้องกันต่อต้านโรคที่แอบแฝงอยู่ด้วยการปฏิบัติวิถีกวนอิม:

“ถ้าพวกเราต้องการที่จะตระหนักถึงความรู้สึกของการรุกล้ำของความเจ็บป่วย พวกเราต้องรักษาภาวะจิตที่ชัดเจนแน่นอน และนำพาร่างกายของพวกเราให้อยู่ในสภาวะอารมณ์ระดับสูง เมื่อครั้นพวกเรารู้สึกถึงการรุกล้ำของการเจ็บป่วย พวกเราควรจะทำสมาธิในทันที ท่องชื่อสิ่งที่เรานับถือ และบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นว่า 'ฉันไม่ต้องการเจ็บป่วย การเจ็บป่วยไม่เป็นจริง ฉันไม่ต้องการให้สิ่งใดก็ตามมาบังคับเหนือฉัน ฉันต้องการความจริงเท่านั้น' ด้วยเหตุนี้การเจ็บป่วยก็จะหายไป"

“ในความเป็นจริง ร่างกายของพวกเรามีการต่อต้านการเจ็บป่วยโดยธรรมชาติ และสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง แพทย์หลาย ๆ ท่านบอกกับคนไข้ของพวกเขาว่า “ยาพวกนี้สำหรับเธอ แต่เธอควรจะพึ่งพาตัวเองโดยทั่วไปเพื่อรักษาการเจ็บป่วย” เป็นเพราะว่า พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เยี่ยมที่สุด และไม่มีอะไรที่พวกเราทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จำนวนที่เธอสามารถทำได้ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเชื่อมากเท่าไหร่ ในทำนองเดียวกัน พลังที่ซ่อนเร้นและไม่มีขอบเขตสามารถปรากฏได้แตกต่างกันตามจำนวนที่แต่ละคนใช้มัน (ดูเพิ่มเติมที่ธรรมสาร ฉบับที่ 97 “คอลัมน์สปอตไลท์-การบำเพ็ญวิถีกวนอิมให้ความคุ้มครองกับพวกเรา”)

>จากการศึกษาที่กล่าวถึงข้างต้น พวกเราสามารถเห็นได้ว่า สารเอ็นดอร์ฟินแสดงบทบาทที่สำคัญในการบรรเทาความเจ็บปวด และทำให้สุขภาพดีขึ้น การวิจัยยังบ่งชี้ว่า การทำสมาธิเป็นแหล่งสำคัญสำหรับการปล่อยสารเอ็นดอร์ฟิน โดยเฉพาะการปฏิบัติวิถีกวนอิมได้กระตุ้นสิ่งที่ท่านอาจารย์เรียกว่า “พลังภายใน” และเปลี่ยนแปลงจิตใจโดยธรรมชาติในเรื่องความเมตตาและความรักสำหรับบุคคลที่เป็นคนชั้นเดียวกันของพวกเรา การปฏิบัติวิถีกวนอิมยังอนุญาตพวกเราเพื่อแบ่งปันพรของท่านอาจารย์อีกด้วย ซึ่งช่วยทำให้ชีวิตของพวกเราและคนอื่น ๆ ดีขึ้นตลอดไป และอาจจะช่วยพวกเรารักษาตัวเองและช่วยให้มีแนวโน้มที่น้อยที่ไปสู่ความไม่สบายทางร่างกาย

อ้างอิงข้อมูล:

http://www.godsdirectcontact.net/eng/news/97/index.htm http://www.godsdirectcontact.net/eng/news/154/index3.htm http://en.wikipedia.org/wiki/Endorphin