จากหน้าต่างชีวิตของท่านอาจารย์อนุตราจารย์ ชิงไห่
|
สำหรับเทพที่รู้แจ้งขั้นสูง เป็นผู้ที่เข้าใจแจ่มแจ้งในเกมของการสร้าง ชีวิตที่แยกตัวจากผู้อื่นอยู่บนภูเขาห่างไกลจากกฎเกณฑ์ทางโลก เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นความสุขและอิสระจากความห่วงใย อย่างไรก็ดี เทพเหล่านี้มักจะเลือกมาปรากฏอยู่ตามวิถีของโลกเพื่อที่จะช่วยและเป็นตัวอย่างให้กับสิ่งที่มีชีวิต ดังนั้น บางครั้งเราก็จะได้รับพร แค่ได้เห็นแว่บหนึ่งของชีวิตของพวกเขา คำพูดและการกระทำที่ได้รับการยกระดับและเรียนรู้จากพวกเขา
บ่ายวันหนึ่งเดือนกันยายน 2548 ท่านอาจารย์เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปที่โรงนาที่อยู่ในชนบทด้านตะวันออกของประเทศฮังการี ที่นั่นเคยเป็นที่เลี้ยงหมูและสัตว์อื่น ๆ แต่ไม่มีการจัดการที่เหมาะสม เป็นที่ ๆ ไม่มีระเบียบและสกปรกมาก ใกล้ทางเข้าเป็นบ้านของยาม ตัดออกไปเป็นที่ราบกว้าง มีฝารั้วคอนกรีตเป็นแนวตามด้านข้าง ก่อนหน้านี้เคยเป็นที่เก็บเครื่องจักรเก่าที่ใช้ในการเกษตร เมื่อเฮลิคอปเตอร์จอด ท่านอาจารย์ก้าวออกมา ได้เห็นสุนัขตัวเล็ก ๆ 2 ตัวถูกล่ามโซ่ยาวไม่เกิน 2 เมตรครึ่ง นอนอยู่ข้างหน้าบ้านยาม
บริเวณจำกัดที่สุนัขเคลื่อนที่ได้เต็มไปด้วยความสกปรก ด้านหนึ่งเป็นบ้านสุนัขเก่า ๆ ที่ผุพัง ด้านอื่นของบริเวณนั้นเต็มไปด้วยมูลสุนัข เห็นได้ชัดว่า มันอยู่มาหลายเดือน ด้านหน้าของสัตว์ที่น่าสงสารมีขวดพลาสติกสกปรกตัดครึ่ง ภายในนั้นมีน้ำที่มีกล่นเหม็นอยู่ และขนมปังแห้ง สุนัข 2 ตัวนั้น เป็นสุนัขพันธุ์ยุโรป ขนยาว ซึ่งอยู่ในสภาพที่แย่มาก และได้รับอาหารที่ไม่พอเพียง สกปรก และส่งกลิ่นเหม็นจากการนอนทับมูลของมันเอง
ด้านตรงข้ามของบริเวณคอนกรีตนี้ ท่านอาจารย์และผู้ที่อยู่ด้วยยังได้สังเกตเห็นฝากำแพงคดเอียง สองฝาเอียงมาชนกันให้เป็นช่องว่างที่อยู่อาศัย ข้างหน้าของที่ว่างนี้มีสุนัขตัวใหญ่ ขนสั้น ดูเหมือนเป็นสุนัขลูกผสมเยอรมันเชพเพิร์ด เช่นเดียวกับสุนัขอีกสองตัวก่อนหน้านี้ มันถูกล่ามโซ่ยาวไม่เกิน 3 เมตร อย่างไรก็ดี สุนัขตัวนี้ไม่มีบ้านเช่น สุนัขตัวอื่น ๆ แต่อาศัยที่กำบังจากช่องว่างของฝาผนังคอนกรีตสองผนัง สองด้านที่ว่านี้เปิดอยู่ เพื่อให้ลมและฝนผ่านเข้ามาในที่อยู่ของมัน ภายในช่องว่างนี้มีแต่ความสกปรกและดินโคลนเช่นเดียวกัน บริเวณที่สุนัขเคลื่อนที่ไปมาเต็มไปด้วยความสกปรกและมูล จากที่ปรากฏเห็นได้ว่าสุนัขตัวที่สาม ถ่ายอุจจาระในมุมเดียวของบริเวณเพื่อที่จะรักษาความสะอาด แต่น่าเศร้าใจที่โซ่ของมันที่ลากไปบนพื้น กวาดเอาความสกปรกไปทั่วบริเวณ ดังนั้น มันจึงไม่มีทางเลือก นอกจากนอนทับมูลของตัวมันเอง เช่นเดียวกัน
ท่านอาจารย์ตกตะลึง และรู้สึกต่อต้านมากต่อภาพที่เห็น และสอบถามทันทีว่าใครเป็นเจ้าของสุนัข ว่าทำไมสุนัขเหล่านี้จึงตกอยู่ สภาพถูกทารุณกรรมเช่นนี้ จากนั้นความเมตตาในหัวใจของท่านอาจารย์ ที่ได้ให้แก่สิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร นำท่านไปที่สุนัขตัวใหญ่ก่อน เมื่ออาจารย์เข้าไปใกล้มัน มันแกว่งหางของมันอย่างดีอกดีใจ และรู้สึกถึงสิ่งที่รอคอย และสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่ท่านอาจารย์เข้ามาและลูบไล้มัน มันก็รีบยื่นอุ้งเท้าของมันให้ท่านอาจารย์อย่างสุภาพและนิ่มนวล เมื่อได้เห็นการแสดงความรักและเมตตา ท่านอาจารย์ก็เริ่มร้องไห้ให้กับสัตว์ที่แสดงความใจดีของมัน แม้ว่าคนบางคนได้กระทำต่อมันอย่างใจร้ายใจดำ จากนั้น ท่านอาจารย์ยกอาหารทั้งหมดที่มีอยู่ให้กับมัน และจัดหาน้ำสะอาดให้มัน
เวลานั้นไร่นาดังกล่าวไม่มีใครอยู่ จึงไม่มีใครที่จะให้สอบถามรายละเอียดเจ้าของสุนัข ช่วงเวลานั้นท่านอาจารย์ตัดสินใจว่า จะต้องทำบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้สุนัขมีชีวิตที่ดีขึ้น และแม้ว่าท่านอาจารย์จะไม่ได้เตรียมตัวที่จะรับสถานการณ์เช่นนี้ และก็มีงานอื่น ๆ ที่จะต้องทำด่วนอีก ท่านเลื่อนมันออกไปเพื่อที่จะใช้เวลากับเจ้าสัตว์ที่น่าสงสารเหล่านี้ จากนั้น ท่านอาจารย์บอกให้ผู้ที่อยู่ด้วยคนหนึ่งออกไปเอาอาหารที่อร่อยทุกอย่างมาให้สุนัข รวมทั้งเนยแข็งหลายชนิด ไส้กรอกเจ แฮมเจ อาหารสุนัขเกษตรอินทรีย์ กระดูกเทียม นม และบิสกิตสำหรับสุนัข และสั่งให้อาหารเท่าที่พวกมันสามารถกินได้ ตามด้วย บอกให้ผู้ที่อยู่ด้วยเขียนจดหมายให้เจ้าของสุนัขขอให้ดูแลสุนัขให้เหมาะสม และปล่อยพวกมันออกจากโซ่ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อให้พวกมันได้รับการปลดปล่อยไปที่อื่น นอกเหนือจากบริเวณที่พวกมันอาศัยอยู่ เพื่อว่า พวกมันจะไม่ต้องนอนบนมูลของตัวมันเอง ท่านยังบอกในจดหมายว่า ถ้าเจ้าของสุนัขไม่ชอบก็ไม่ควรจะเก็บพวกมันไว้ น่าจะนำพวกมันไปที่พักพิงสุนัขที่เหมาะสม เพื่อว่าพวกมันจะได้พบบ้านที่ให้ความรักและความอบอุ่นแก่พวกมัน
จากการเรียกร้องของท่านอาจารย์ ผู้ที่อยู่กับท่านอาจารย์ได้ไปเยี่ยมสุนัขหลาย ๆ ครั้งในช่วงเดือนถัดมา เพื่อจัดอาหารและน้ำที่เหมาะสมให้แก่พวกมัน แต่ทุกครั้งที่พวกเขาไปเยี่ยมก็ไม่เคยเห็นใครรับผิดชอบกับการดูแลสุนัขของพวกเขา และบ้านยามก็ใส่กุญแจ ไม่มีใครอยู่ ครั้งสุดท้ายที่ผู้ติดตามอาจารย์มาให้อาหารสุนัข หญิงชราคนหนึ่งที่ทำงานในไร่นานั้น ขี่จักรยานผ่านมา พวกเขาถามหล่อนเกี่ยวกับเจ้าของสุนัข เธอบอกว่าเป็นเจ้าของไร่นานั้น หญิงชราอธิบายถึงว่าทำไมเจ้าของสุนัขถึงไม่เคยปล่อยพวกมันออกมาจากโซ่ ก็เป็นไปตามที่อาจารย์คาดไว้ คือ เขาเกรงว่าสุนัขที่เป็นอิสสระจะไปตามหมู่บ้านข้างเคียง และก่อให้เกิดปัญหา หญิงชราบอกต่อด้วยว่า นอกจากน้ำและขนมปังแห้ง บางครั้งบางคราวก็จะให้เนื้อแก่พวกมัน แต่ผู้อยู่กับอาจารย์ไม่ได้เห็นร่องรอยอะไรเลย หญิงชรารับคำว่าเธอจะส่งจดหมายของท่านอาจารย์ที่เกี่ยวกับขอให้สุนัขมีชีวิตที่ดีกว่านี้ให้กับเจ้าของสุนัข
หลายเดือนผ่านไป ช่วงเวลาเหล่านั้น ท่านอาจารย์ได้พูดเกี่ยวกับสุนัข และหวังว่าเจ้าของจะรับคำแนะนำและปฏิบัติในทางที่มีความเห็นอกเห็นใจต่อสัตว์เลี้ยงของพวกเขามากขึ้น เมื่อฤดูหนาวมาถึง อุณหภูมิเริ่มลดต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ท่านอาจารย์บอกให้ผู้ที่อยู่ด้วยไปเยี่ยมที่ไร่นานั้นอีก ไปตรวจดูว่าชีวิตของสุนัขได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นบ้างหรือไม่ พร้อมทั้งนำอาหารไปให้พวกมัน ท่านยังกล่าวว่า ถ้าสภาพการไม่ได้ถูกปรับปรุงถึงระดับสมเหตุสมผล ผู้อยู่กับอาจารย์ควรจะขอซื้อพวกมันมาจากเจ้าของ
เมื่อผู้ติดตามอาจารย์มาถึงไร่นานั้น พวกเขาเศร้าใจอย่างที่สุด เมื่อพบว่าชีวิตของพวกสุนัขไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่แย่ลง สุนัขสามตัวที่เคยปรากฏมาก่อนเหลือเพียงสองตัว สุนัขตัวเล็ก 1 ตัว และตัวใหญ่ 1 ตัว สุนัขตัวเล็กอีกตัวเสียชีวิตไป น่าจะเป็นสาเหตุจากความหิว และไม่มีอะไรป้องกันความหนาว โซ่ของสุนัขตัวเล็กที่เหลืออยู่ถูกพันขึ้นไป ตอนนี้เหลือความยาวแค่ 1 เมตร ดังนั้นมันจึงไม่สามารถเข้าไปถึงบ้านสุนัขที่ผุพัง และหนาวเย็นของมัน หรือที่ใส่น้ำที่แตกหักว่างเปล่า และผอมลง สกปรกกว่าก่อนหน้านี้ สภาพของสุนัขตัวใหญ่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น โครงคอนกรีตคดไปมายังคงเป็นที่พักพิง และโชคร้ายกว่านั้น เกิดฝนตกหนักในช่วงเวลานั้น ช่องว่างที่พวกมันอาศัยอยู่ก็เปียกและสกปรกมากยิ่งขึ้น ใกล้กับช่องว่างนั้นมีหมูตาย แช่แข็งอยู่ ดูเหมือนว่าวางไว้เพื่อให้สุนัขแก้หิว อย่างไรก็ดี สุนัขตัวนั้นไม่ได้แตะต้องซากสัตว์นั้น และพวกมันดีใจที่ได้รับประทานเนยแข็ง และไส้กรอกเจที่อาจารย์ส่งมาให้แทน
ก็ยังโชคดีที่หลังจากติดต่อไปยังเจ้าของ ผู้ติดตามอาจารย์ก็สามารถซื้อสุนัขทัน ขากลับด้วยกันในรถ สุนัขประพฤติตัวดีจนน่าประหลาดใจ เจ้าตัวเล็กยังขดตัวอยู่บนตักคนขับ จากนั้นท่านอาจารย์ติดต่อกับผู้ติดตามอาจารย์คนหนึ่งเพื่อทราบสถานการณ์เกี่ยวกับสุนัข ท่านอาจารย์ร้องเสียงดังขึ้นมาอย่างปิติและมีความสุข รู้สึกตื้นตันที่ในที่สุดสัตว์เหล่านั้นได้มีโอกาสที่จะพักหัวของมันบนตัก พร้อมรับรู้ความรักของคนเป็นครั้งแรก
ต่อจากนั้น ท่านอาจารย์บอกให้พาสุนัขไปหาสัตวแพทย์ที่ดีที่สุดในบริเวณนั้นทันที พร้อมตรวจร่างกายทุกจุด หลังจากที่สัตวแพทย์ตรวจร่างกายสุนัขและเอาตัวอย่างเลือดจากสุนัขตัวเล็ก แพทย์ก็ลงความเห็นว่า นอกจากสุนัขจะสุขภาพไม่แข็งแรง อันเนื่องมาจากสาเหตุจากโดนความหนาวและความหิว สุนัขไม่มีโรคอื่น เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน ท่านอาจารย์สั่งให้ผู้ที่อยู่ด้วยนำสุนัขไปตัดขนให้สวยงามและอาบน้ำให้สะอาด สุนัขตัวใหญ่โชคไม่ดีตัวมันมีกลิ่นแรงออกมาจากบริเวณคอ หลังจากที่หมอตรวจสอบดูแล้วก็ลงความเห็นว่าปลอกคอพลาสติกของสุนัขเป็นแผ่นกว้างมากแต่ก็บางมากจึงเป็นเหมือนใบมีดโกน ตัดขูดคอของมันในอากาศที่หนาว เนื่องจากปลอกคอที่ใส่ติดคออยู่ตลอด และตัวสุนัขก็เคลื่อนไหวไปมา แผลนั้นจึงไม่เคยหาย นอกจากนั้นน้ำเหลืองที่แผลไหลลงมาบนขนของมันทำให้เกิดการเน่าขึ้น ดังนั้น สัตวแพทย์จึงได้ให้ยาชาทันที และตัดแต่งซ่อมแผลนั้น
ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของท่านอาจารย์ ผู้ซึ่งเข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี การผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี และแผลใหม่ก็กำลังจะหายสนิท ขณะที่ท่านอาจารย์ให้คำแนะนำอยู่นั้น สุนัขทั้งสองตัวเอร็ดอร่อยกับอาหารมังสวิรัติที่อุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามิน พวกมันมีความสุขกับการได้ถูกพาออกไปเดินเล่นวันละ 5 ครั้งกับผู้ติดตามของท่านอาจารย์ ด้วยความรักและอาทรจากท่านอาจารย์ ขณะนี้สัตว์พวกนั้นได้พักอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและสะอาด บนผ้าห่มและหมอนนิ่ม ๆ และเมื่อพวกมันได้รับการรักษาเรียบร้อยและแข็งแรงขึ้น พวกมันก็จะสามารถหาเจ้าของที่รักมันและบ้านที่ดีอยู่
เมื่อท่านเล่าถึงประสบการณ์เกี่ยวกับสุนัข อาจารย์กล่าวว่า “ฉันไม่สามารถดูแลสุนัขเป็นล้านตัวทั่วโลก แต่สุนัขที่ฉันพบและต้องการช่วยเหลือ ฉันรู้สึกว่าฉันต้องดูแลและช่วยเหลือ”
ด้วยความรักความเอื้ออาทรต่อสุนัขยุโรป 2 ตัว ที่ไม่มีใครช่วย ท่านอาจารย์ได้ให้ความซาบซึ้ง ตัวอย่างความเมตตาที่สูงส่งให้กับเราทุกคนได้ทำตาม ทั้ง ๆ ที่ท่านมีงานตามกำหนดการมากมาย และงานต่อเนื่องท่านก็ยังจัดการช่วยเหลือ ปลดปล่อย สิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่ห่างเพียงแค่มือเอื้อมจากเรา เมื่อเราปลูกพลังความรักไปถึงระดับนี้ เราจะสามารถดำเนินตามตัวอย่างที่ท่านทำ และเริ่มความรู้สึกว่าโลกของเรากลายเป็นที่ ๆ ดีกว่า