พลังสร้างสรรค์ที่ดลบันดาลให้เราแสดงออกโดยผ่านงานด้านศิลปะ เป็นตัวอย่างหนึ่งของขบวนการเหล่านี้ ศิลปะไม่เพียงแต่จะสอนเราให้รักความงามและความกลมกลืน แต่ยังทำให้เราอยากเข้าใจตัวเราและตระหนักถึงความสามารถที่ซ่อนเร้นของเราด้วย ศิลปะแห่งการแสดงและการเต้นรำได้ชวนให้ฉันหลงใหลมานานแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม และหลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่บนเวทีและในสตูดิโอเต้นรำ ฉันก็ค่อย ๆ ค้นพบอย่างน้อยที่สุดส่วนหนึ่งของคำตอบ ขณะเต้นรำหรือแสดง นักแสดงใช้ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณอย่างเต็มที่ และรู้ตัวมากขึ้น และจำเป็นต้องให้ความสนใจต่อคุณสมบัติที่อยู่ภายในและภายนอกตัวของพวกเขา ซึ่งอาจถูกละเลยในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้น นักแสดงที่ยอดเยี่ยมบางคนได้สารภาพว่า ขณะแสดงอยู่พวกเขาได้มีประสบการณ์ของการออกจากร่างกาย และจากประสบการณ์เหล่านี้ในการเห็นตัวเองแทนที่จะแสดงแบบมีสติรู้ตัว พวกเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะแสดง และใช้ร่างกายของพวกเขาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์มากขึ้น โดยตระหนักว่ามีพลังอีกชนิดหนึ่งที่อยู่เหนือด้านที่เป็นร่างกายของชีวิต นักแสดงละครผู้มีชื่อเสียงได้พัฒนาเทคนิคที่ทำให้ขบวนการสร้างสรรค์นี้ถูกเลียนแบบ และครูการแสดงมากมายก็ได้พูดถึงการขยายการรับรู้โดยกายเนื้อออกไป โดยพื้นฐานก็คือการรวมสมาธิมากเท่าไรกับวัตถุหรือรูปร่างภายนอกตัวเรา ความรับรู้ของเราก็จะใหญ่มากขึ้น บางคนเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น “ร่างกายที่ขยายออก” ขณะที่คนอื่น ๆ เรียกมันว่า “ร่างกายที่พองออก” แต่จุดสำคัญคือ มันทำให้นักแสดงมีสติมากขึ้นเป็นอย่างมาก มีใจเปิดกว้าง เข้าใจสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเขาหรือหล่อน โดยที่ใช้เทคนิคและหลักการเหล่านี้บางอย่างด้วยตัวฉันเองในการแสดงและเต้นรำ ฉันก็ได้มีประสบการณ์ถึงความรู้สึกที่พิเศษแห่งความรับรู้ “เหนือปกติ” นี้ สถานการณ์เช่นนั้นทำให้เราลืมความคิดทั้งหมดที่เป็นปัญหาส่วนตัว และเป็นอิสระจากพฤติกรรมที่เป็นนิสัย เพื่อจะได้สำเหนียกถึงความเป็นไปได้แห่งการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากมาย สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ เพราะการเห็นตัวเองจากภายนอก เราก็จะควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ดังนั้น การแสดงจึงสามารถเป็นเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่ในการเอาชนะอัตตา แน่นอน ท่านอาจารย์ได้ถือโอกาสนี้ในการสอนเราเกี่ยวกับขบวนการนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ในวีดีทัศน์ฮังการีของท่าน ท่านได้พูดว่า มันสำคัญสำหรับเราเพียงไรที่จะคำนึงถึงผู้อื่นและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรา ท่านอาจารย์พูดว่า แต่ละครั้งที่เราพยายามเข้าใจและช่วยเหลือผู้อื่น การกระทำเป็นการเอื้อมออกไปยังพวกเขา ทำให้เราขยายออกไป ดังนั้นเราก็จะค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะใหญ่ขึ้นและยิ่งใหญ่ขึ้น นอกจากนั้น อุดมการณ์ของเราก็จะสูงส่งขึ้น เพราะเราสามารถสังเกตโลกจากมุมมองที่แผ่ขยายมากขึ้น และไม่จำกัดอยู่กับแค่ร่างกายของเราเองหรือเรื่องของตัวเราเองเท่านั้น แล้วอะไรล่ะที่จะเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ที่จะมีได้ของปรากฏการณ์นี้มากไปกว่าอาจารย์ของเรา ด้วยการมองดูท่านเราได้มองเห็นตัวตนที่แผ่ความรักและพลังพระพรให้กับทุกมุมของจักรวาลให้กับสรรพสัตว์ทุกตนในจักรวาล *พี่สาวอีวา กีโรว่า เป็นนักแสดงหญิงและนักวิจัยปริญญาเอก
|