อาจารย์กล่าว

 

 

 

 

 

 


ทิศทางบวกและ
ชีวิตที่แข็งแรง

ปราศรัยโดยอนุตราจารย์ชิงไห่ สิงคโปร์ 28 กันยายน 2537
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วีดิทัศน์เบอร์ 446

ในปัจจุบันนี้ความเจ็บป่วยมากมายยังคงฆ่าคนนับล้าน ๆ คน มีคนประมาณ 18 ล้านคนในแต่ละปีที่ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เพราะเราไม่ใส่ใจที่จะปกป้องร่างกายอันมีค่าของเรา ซึ่งพระเจ้าให้มาเพื่อทำภารกิจบางอย่างในโลกสำหรับจุดประสงค์บางอย่าง รวมไปถึงการตระหนักรู้ในพลังอันยิ่งใหญ่ของเรา ยกตัวอย่าง เราสูบบุหรี่มากเกินไป เราดื่มมากเกินไป เรารับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไป และเชื้อเชิญแบคทีเรียทั้งหลายเหล่านี้จากเนื้อสัตว์เข้ามาสู่ระบบของเรา และอื่น ๆ ปัจจัยที่ฆ่าต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้ชีวิตของเราทุกข์ทรมาน ความจริงแล้วเราสามารถมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ ถ้าหากเราจัดการมากกว่านี้ ถ้าหากเราเห็นคุณค่าของร่างกายเรามากกว่านี้ และถ้าเรารับประทานแต่อาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายของเรา และไม่ใช่ทานเพียงเพราะความอร่อย และทานในปริมาณที่พอเหมาะ แน่นอนสุขภาพของเราก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายมากนัก ชาวมังสวิรัติส่วนใหญ่มีสุขภาพที่ดีขึ้น พวกเธอมากมายมีสุขภาพดีขึ้น หลังจากประทับจิตและเปลี่ยนมาทานอาหารมังสวิรัติ ไม่ใช่หรอกหรือ? (ผู้ฟัง : ใช่!) ความจริงโรงพยาบาลนั้นเต็มไปด้วยคนที่ทานเนื้อสัตว์ ไม่เป็นปัญหา เราสามารถมีข้อพิสูจน์ได้ที่นั่น ไม่เพียงแต่อาหารมังสวิรัติจะมีประโยชน์ในตัวของมันเท่านั้น แต่เป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนนั้นสอดคล้องมากกับร่างกายของเรา ในขณะที่แรงสั่นสะเทือนของสัตว์ไม่สอดคล้องกลมกลืนนัก ไม่สงบสุขนัก

ความจริงแล้วมันง่ายมากที่จะมีชีวิตที่เรียบง่ายและมีชีวิตที่มีสุขภาพดีได้ ไม่จำเป็นสำหรับยามากมายนัก ไม่จำเป็นต้องฉีดยามากมายอะไรนัก พวกเราหลายคนทำร้ายตัวเอง เพราะเรานำสิ่งที่เป็นพิษเข้ามาในร่างกายของเรา ถ้าหากเรารู้จักวิธีที่จะมีชีวิตแบบเรียบง่าย มีชีวิตที่มีสุขภาพดี เราก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหมอมากนัก หมอก็จะมีวันหยุดได้มากขึ้น และทั้งสองฝ่ายก็จะมีสุขภาพที่ดี

 

ยิ่งเราใช้พลังงานมากเท่าไร
เราก็จะได้รับมากขึ้นจากพลังจักรวาล

ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงานหนัก เธอควรทำงานและใช้พลังงานของเธอ เพราะในร่างกายของเรามีจักราอยู่ประมาณ 7 จักรา ซึ่งสามารถดึงพลังงานจากจักรวาลได้ มันเป็นเหมือนแบตเตอรี่ที่จะได้รับการชาร์ตโดยอัตโนมัติจากพลังจักรวาล เหตุนี้เราจึงสามารถขับเคลื่อนเครื่องจักรของเราได้ตลอดเวลา และเมื่อเรานั่งสมาธิพลังงานนี้ก็จะมีเพิ่มพูนมากขึ้นด้วยซ้ำ ยิ่งเราให้มากเท่าไร มันก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น มันไม่เคยหยุดเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง

ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องกรรม เรื่องการช่วยเหลือคนและรับกรรมอะไรแบบนั้น ถ้าหากคนต้องการความช่วยเหลือ เธอก็ช่วยไปซะ เฉพาะเมื่อเธอพยายามที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับจิตใจของผู้คน อย่างเช่น พยายามที่จะควบคุมพวกเขา หรือพยายามที่จะบอกพวกเขาทำในสิ่งที่เราต้องการ ให้พวกเขาทำด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัวบางอย่างเท่านั้นที่เราจะสร้างกรรม มิฉะนั้นแล้ว ถ้าหากเรารักผู้คนและเราต้องการช่วยเหลือพวกเขา เมื่อพวกเขาต้องการ แม้ถ้าเราได้รับกรรมจริง ๆ มาจากพวกเขา มันก็ไม่เป็นไรหรอก มันไม่เป็นไรเลย เพราะว่าเราควรเสียสละเพื่อกันและกัน เราควรมีชีวิตอยู่ร่วมกันด้วยความรัก และไม่ต้องไปสนใจเรื่องกรรม

เราจะต้องรักษาพลังที่เป็นบวกนี้เอาไว้เสมอ เพราะว่า แค่เธอคิดในด้านบวก เพียงแต่คิดในสิ่งที่เป็นบวก ถ้าหากเธอสามารถเห็นร่างกายของเธอได้ เธอก็จะเห็นว่า ความคิดที่เป็นบวกแต่ละความคิดจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของออร่า เปลี่ยนแปลงสภาพภายนอกของเธอ และเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในตัวเธอ มันจะไหลลื่นมากขึ้นและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น แต่ถ้าเธอคิดในด้านลบ แค่คิดอะไรก็ได้ที่เป็นลบ สิ่งที่เลวหรือไม่ดี รูปแบบของเธอก็จะเปลี่ยนแปลงไปทันที คนที่มีพลังจิตสามารถเห็นสิ่งนี้ได้ เหตุนี้คนบางคนจึงสามารถอ่านใจของเธอได้ เพราะว่าเมื่อเธอเข้ามา พวกเขาก็สามารถเห็นออร่าของเธอได้ พวกเขาสามารถเห็นรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงในพลังงานเงาของร่างกายเธอได้ พลังงานเงานั้นเป็นรูปร่างของพลังงานซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับอวัยวะที่แท้จริงของเธอ ยกตัวอย่าง หัวใจของเธอมีหน้าตาแบบนี้ สมมุติว่า มีใครเอาหัวใจของเธอไป และที่ตั้งของหัวใจนั้นก็ว่างเปล่า แต่มันก็ยังคงมีรูปร่างของหัวใจอยู่ที่ตรงนั้น-มีอะไรบางอย่างอยู่ที่ตรงนั้น นั่นก็คือ พลังงานเงาของหัวใจ บางครั้งพลังงานเงาอันนี้เกิดปัญหาขึ้นมา ไม่ใช่ว่าหัวใจจริง ๆ เกิดปัญหา เพราะฉะนั้นก็ต้องแก้ไขมัน เธอเป็นหมอที่ดีที่สุดของตัวเธอเอง ถ้าหากเธอคิดในด้านบวก ขอให้มีชีวิตที่มีสุขภาพดีและเรียบง่าย ชีวิตที่เรียบง่ายและความคิดที่สูงส่ง ขอให้คิดทางด้านบวกเสมอ แค่เพียงการคิดเท่านั้นสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบชีวิตของเธอได้ เปลี่ยนแปลงวันของเธอ และเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเธอได้ เพราะฉะนั้น ขอให้พยายามมีความเป็นบวกเสมอ แล้วอุบัติเหตุต่าง ๆ ความเจ็บป่วยมากมายก็จะสามารถหลีกเลี่ยงได้

พระเจ้าอยู่รอบตัวเธอเสมอ มหาอาจารย์จากสิบทิศปกป้องเธออยู่เสมอ มันเป็นความจริงที่ว่า เราไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดายในโลกนี้ เพื่อจะทำสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายด้วยตัวของเราเอง เราได้รับการคุ้มครองอยู่เสมอโดยเทวทูต พวกเราทุกคน และเราได้รับการปกป้องอยู่เสมอโดยวิญญาณของอาจารย์ แม้ว่าเราจะมองไม่เห็น แม้ว่าเราจะไม่เชื่อในเทวทูตและจิตวิญญาณ เธอก็จะต้องเชื่อว่า มีพระเจ้าที่ดำรงอยู่ มิฉะนั้นแล้วเราก็จะไม่ดำรงอยู่

ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของเราเอง เพราะว่าเราคิดทางด้านลบ เรากระทำในทางลบ และเรายอมให้อิทธิพลทางลบจากผู้คนส่งผลกระทบถึงเรา บางครั้งเมื่อเธอไปหาหมอ พวกเขาก็จะบอกเธอว่า โรคบางอย่างนั้นเกิดจากเราสร้างขึ้นมาเอง ไม่เพียงแต่เพราะว่าเธอต้องการโรคเท่านั้น แต่เป็นเพราะภูมิต้านทานของเธอลดน้อยลง ตัวอย่างเช่น โรคภูมิแพ้ บางครั้งเธอไม่เคยมีมันเลย แต่ทุกครั้งที่เธอหมดแรง หดหู่ ทำงานมากเกินไป เหนื่อยล้า โรคภูมิแพ้ก็จะมา เธอรับประทานอาหารแบบเดียวกันทุกวัน แล้วก็ไม่มีโรคภูมิแพ้ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็มีมันขึ้นมา เป็นเพราะว่าในตอนนั้นอาจเป็นเพราะภูมิต้านทานของเธอลดต่ำมาก ระบบป้องกันของเธอเสียไปชั่วคราวหรืออะไรแบบนั้น ในขณะที่หากเธอคิดในด้านบวก โรคภัยไข้เจ็บก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว

บางครั้งระบบป้องกันก็ลดลงมากเหมือนกับว่ามันเสียไป และเป็นการยากมากที่จะซ่อมมัน ในเวลานั้นก็นับว่าแย่ ไม่ว่าเราจะตายหรือเป็น เพราะฉะนั้น ขอให้พยายามดูแลเอาใจใส่ระบบของเธออย่าให้มันพัง ขอให้พยายามดูแลเอาใจใส่การกระทำของเธอ โดยการกระทำที่เป็นบวก คิดในด้านบวก และพูดในด้านบวก นั่นเป็นสิ่งที่เรียบง่ายมาก แค่คิดในด้านบวกก็ช่วยเธอได้มากแล้ว ความจริงแล้ว เมื่อเธอบำเพ็ญอย่างหนักมาก บางครั้งเธอจะไม่รู้สึกถึงร่างกาย ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกหรือ? เธอเคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้างไหม? (มี) เธอรู้สึกตัวเบาใช่ไหม? เหมือนอย่างว่าเธอกำลังขับรถอยู่ แต่ไม่ใช่เป็นเธอที่ขับรถ เป็นคนอื่นที่ขับ ไม่ต้องใช้แรงเลย นั่นเป็นวิธีการที่เราประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องใช้แรงในมิติทางด้านร่างกาย และเราสามารถทำสิ่งต่างๆ มากมายอย่างเบาสบาย และไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยนักอีกต่อไป ยิ่งเรานั่งสมาธิมากขึ้น เราก็จะยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น และทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น และไม่มีปัญหาใด ๆ

เธอจะต้องพยายามบอกข่าวต่อ ๆ ไปยังเพื่อนมนุษย์ของเราด้วย เพื่อที่จะช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ พยายามปลอบใจพวกเขา และนำข่าวดีมาให้พวกเขา ซึ่งจะทำให้พวกเขาสบายใจมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้นในชีวิต ถ้าหากพวกเขาบำเพ็ญปัญญาที่เก่าแก่ และติดต่อกับอาณาจักรของพระเจ้าภายในตัวของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่รู้สึกทุกข์ เหน็ดเหนื่อย หรือถูกปิดกั้น และโดดเดี่ยวในโลกนี้ นั่นเป็นวิธีการรักษาแบบเดียวเท่านั้นสำหรับมนุษยชาติ ความจริงมันดูเหมือนว่า ภัยพิบัติมากมายกำลังมาสู่โลก แต่ฉันไม่รู้สึกว่าโลกจะถึงจุดจบอย่างรวดเร็วนัก บางทีมันอาจจะถึงจุดจบในบางส่วน บางทีอาจจะมีการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนต่างๆ กัน แต่สำหรับคนที่มีคุณธรรม สำหรับคนที่ไม่มีที่ติก็จะได้รับการปกปักษ์รักษาเพื่อรุ่นต่อไป และด้วยความช่วยเหลือของพลังงานที่เป็นบวกจากเธอในระหว่างการทำสมาธิของเธอ ในระหว่างการรวมกลุ่มกัน ในระหว่างการสวดอธิษฐานเงียบ ๆ ของเธอ โลกของเราก็ได้รับการปกปักษ์รักษาอย่างมาก มากกว่าที่เราอาจจะได้หวังไว้ และด้วยเหตุนี้ ฉันก็หวังว่าเธอจะกระจายข่าวดีให้มากขึ้นไปยังผู้คน

 

กลับคืนสู่วิถีทางแห่งชีวิตที่มีคุณธรรม

บุคคลคนเดียวสร้างความแตกต่างได้มากมาย ถ้าหากเธอเชื่อจริงๆ ในความดีของเธอ ในสิ่งที่เธอกำลังกระทำอยู่ เธอก็จะมีอิทธิพลต่อคนอื่น ๆ แต่ถ้าหากเธอไม่เชื่อ พวกเขาก็จะมีอิทธิพลต่อเธอ พวกเขาจะสร้างคนที่แข็งแกร่งออกมาจากบุคลิกของเธอ อะไรก็ตามที่เธอคิดว่า เป็นสิ่งที่ดีก็ขอให้ยึดอยู่กับมัน และอย่ายอมให้คนอื่นมาทำให้เธอหวั่นไหว เพราะว่าตัวอย่างที่ดีในโลกนี้นั้นหายาก เพราะฉะนั้นขอให้ทำตัวเธอให้เป็นแบบอย่างที่ดี ขอให้พยายามอย่างดีที่สุดในทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อทุกคนจะได้ทราบว่า เนื่องจากเธอบำเพ็ญ เธอได้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น และเธอได้เป็นผู้ที่มีประโยชน์จริง ๆ ต่อสังคม นั่นเป็นวิธีการที่เธอจะพัฒนาได้ นั่นคือวิธีการที่เธอจะช่วยเหลือคนอื่นได้ นั่นคือวิธีการที่เราจะช่วยเหลือโลกจากการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งอาจจะมาเนื่องจากยาเสพติดที่ทำลายตนเองและอาวุธต่าง ๆ วิธีการที่เราใช้ชีวิตของเรา และวิธีการที่เราติดต่อมันไปยังคนอื่น มันสามารถเป็นจุดจบของโลกได้ ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนั้น ไม่จำเป็นต้องเห็นพระจันทร์หรือพระอาทิตย์หรืออะไร ถ้าหากเรารักโลกนี้-เราคิดว่ามันสถานที่งดงาม ซึ่งมันก็เป็น มันใช้เวลานับพัน ๆ ล้าน ๆ ปีที่จะทำให้มันงดงามเหมือนอย่างเช่นทุกวันนี้ งดงามเหมือนแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องช่วยเหลือ ถ้าหากว่าเราสามารถทำได้ เราก็ซ่อมแซมมันซะ แน่นอน ถ้าหากเราพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว และจุดจบของโลกก็ยังคงมา ก็ปล่อยให้มันเป็นไป แต่ถ้าหากเราสามารถซ่อมแซมมันได้ เราก็ทำมันซะ เพราะฉะนั้น ขอให้กระจายข่าวดีออกไป และทำให้ผู้คนกลับคืนสู่วิถีทางชีวิตที่เป็นธรรมชาติ วิถีทางชีวิตที่มีคุณธรรม ซึ่งก็คือการเป็นมังสวิรัติ การมีคุณธรรมรักษาศีล ใช้ชีวิตเรียบง่าย และคิดในด้านบวก แล้วโลกของเราก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ และบางทีเราอาจจะมีชีวิตอยู่อีกสัก 2-3 พันปีในสภาพที่ดีขึ้น ขณะนี้มีทางเลือกอยู่ 2 อย่าง: อย่างแรกก็คือการทำลายล้างโดยสิ้นเชิง อีกอย่างก็คือการมุ่งหน้าต่อไปด้วยการพัฒนาในทุก ๆ ด้านของชีวิต รวมไปถึงทางด้านของจิตวิญญาณ และอนาคตนั้นอยู่ในมือเราจริง ๆ ไม่มีมนุษย์ต่างดาวอะไรที่จะสามารถทำได้ในเรื่องนั้น ไม่มีพระเจ้าที่จะมาลงโทษเรา ไม่มีพุทธะที่จะมาให้พรกับเรา มีแค่ตัวเราเท่านั้น เราจะต้องเลือก นั่นคือวิธีการที่เราจะเติบโต: โดยการเลือกในสิ่งที่ดี