มหัศจรรย์ของอาจารย์

 

การดูแลและเป็นห่วงตลอดกาล
ของมหาอาจารย์
ที่มีชีวิต

 

เขียนโดยศิษย์พี่หญิงเส้าเจิน หนันโถว ฟอร์โมซา (ต้นฉบับเป็นภาษาจีน)

ข้าพเจ้าและศิษย์พี่ชายได้รับการประทับจิตกับท่านอาจารย์เมื่อปี 2538 ในเช้าวันอาทิตย์ก่อนประทับจิต พวกเราพักผ่อน รู้สึกเหงา จึงเปิดโทรทัศน์ดูว่ามีรายการอะไรบ้าง หมุนไปหมุนมา ทันใดนั้นเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังปราศรัยธรรมอยู่ มีพลังดึงดูดพวกเรามาก เวลาผ่านไปอีกสักครู่ พวกเรามองหน้ากัน ปรากฏว่าเราทั้งสองต่างมีน้ำตาคลอเบ้า ขณะนั้น รู้สึกแปลกประหลาด และไม่ทราบว่าเพราะอะไร

ต่อมาได้พบกับเพื่อนคนหนึ่ง พวกเราเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เธอบอกว่า เธอได้ประทับจิตกับท่านอาจารย์แล้ว ดังนั้นจึงแนะนำผู้ประสานงานในพื้นที่ให้พวกเรารู้จัก หลังประทับจิต 1-2 ปี มีประสบการณ์มาก และตั้งใจบำเพ็ญ แต่การบำเพ็ญถ้าไม่ก้าวหน้าก็ถอยหลัง เมื่อคุณนั่งสมาธิยิ่งน้อย การถอยหลังก็จะถอยอย่างรวดเร็ว ในระหว่างนั้น ข้าพเจ้าและศิษย์พี่ชายเกือบจะทิ้งอาจารย์ไป แต่ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยทิ้งลูกศิษย์ที่ไม่ตั้งใจบำเพ็ญแบบนี้

วันหนึ่งศิษย์พี่ชายรู้สึกเจ็บที่กระดูกสันหลัง ข้าพเจ้าจึงไปเป็นเพื่อนเขาเพื่อหาหมอรักษากระดูกสันหลัง หมอเมื่อทราบว่า พวกเราบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิม ขณะที่เขาช่วยรักษากระดูกสันหลังให้กับศิษย์พี่ชายได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็หยุดลง ศิษย์พี่ชายถามท่านว่าหยุดทำไม? เขากล่าวว่า “อาจารย์ของพวกเธอมาแล้ว ท่านบอกว่า พวกเธอไม่ได้ไปนั่งสมาธิกลุ่มนานแล้ว จะตีก้นพวกเธอ” ศิษย์พี่ชายที่นอนอยู่บนเตียงรักษากระดูกสันหลัง เมื่อได้ยินคำนี้ กระโดดขึ้นมาทันที รู้สึกมันเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณหมอไม่ทราบว่า พวกเราได้ไปนั่งสมาธิกลุ่มหรือไม่ ท่านอาจารย์อาศัยคุณหมอมาเตือนพวกเรา และวันนั้นเป็นวันนั่งสมาธิกลุ่มด้วย ดังนั้นพวกเราจึงรีบไปรายงานตัวที่ศูนย์ ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ไม่ทิ้งและไม่ยอมจากพวกเราไป

ปี2542 ฟอร์โมซาเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ พวกเราอาศัยอยู่แฟลตชั้นที่ 7 ขณะนั้นตัวอาคารสั่นไหวอย่างแรง จนไม่สามารถจะยืนอยู่ได้ ทั้งไฟฟ้าก็ดับ ได้แต่รอให้แผ่นดินหยุดไหว แล้วรีบหนีออกไป ข้างนอกมีสภาพน่าเศร้ามาก บ้านเรือนพังทลายลงมากมาย อาคารที่พวกเราอาศัยอยู่ถูกตัดสินว่าอยู่ไม่ได้ ต้องรื้อทิ้ง ผู้อยู่อาศัยต้องย้ายออก

ขณะที่พวกเรากลับบ้านไปเก็บของ มองดูภาพแต่งงาน ภาพทั้งครอบครัวที่ข้างฝา ต่างเอียงและตกลงมา แต่สิ่งที่มหัศจรรย์ คือ ภาพถ่ายของท่านอาจารย์ไม่ได้เอียงเลย เดินไปที่ห้องหนังสือ เห็นสิ่งของในห้องยังอยู่อย่างเรียบร้อย เหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เพราะที่ห้องหนังสือได้วางสิ่งของอาจารย์หลายอย่าง เพื่อนที่มาช่วยเหลือต่างประหลาดใจมาก ถามว่า “พวกคุณกลับมาจัดห้องแล้วหรือ?” ข้าพเจ้าตอบว่า “เปล่า เป็นครั้งแรกหลังแผ่นดินไหว แล้วกลับเข้ามา” นอกจากห้องหนังสือแล้ว ที่ห้องรับแขก ข้าวของระแกะระกะตามห้อง สิ่งที่น่ากลัว คือ ตู้กับข้าวล้มลงมา กระจกแตกกระจายไปอยู่ทางออกของห้อง ขณะที่พวกเราวิ่งหนีออกไปนั้น ทุกคนเท้าเปล่า แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ! พวกเราทราบว่า เป็นเพราะท่านอาจารย์คุ้มครอง ทำให้พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บ

หลังแผ่นดินไหว พวกเราไม่มีบ้านอยู่ จิตใจลงไปอยู่จุดต่ำสุด ไม่ทราบว่าจะไปอยู่ที่ไหน หลังจากปรึกษากับศิษย์พี่ชายแล้ว ตัดสินใจจะย้ายไปอยู่กับน้องชายเขา เพราะน้องชายอยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียว พวกเราไปขอเช่าบ้านเขาอยู่ ก็เลยมีที่อยู่ต่อไป ทุกครั้งที่ไม่สบายใจ ก็คิดถึงท่านอาจารย์ จะมีพลังมาให้การสนับสนุนพวกเรา ข้าพเจ้าและศิษย์พี่ชายจะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเวลาแห่งความทุกข์ยากได้ผ่านไป พวกเราไปซื้อที่เพื่อสร้างบ้านอยู่เมื่อปี 2544 ระหว่างการสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น แม้แต่บริษัทก่อสร้างก็พูดเช่นนี้ สิ่งที่บังเอิญคือ คนงานเทปูนก็เป็นคนทานเจด้วย ช่างโชคดีจริงๆ! พวกเราทราบดีว่า ทุกอย่างท่านอาจารย์เป็นผู้จัดการให้ ท่านอาจารย์ ขอบคุณท่าน พวกเรารักท่านตลอดกาล