ประภาคารในความมืด

 

 

 

 

 

จิตวิญญาณที่เดินวนเวียนอยู่ในความมืด
ก้าวสู่ทางแห่งจิตวิญญาณที่รู้แจ้ง

 

เล่าโดยศิษย์พี่ชายจิน ฟูซาน เกาหลี (ต้นฉบับเป็นภาษาเกาหลี)
จัดเรียบเรียงโดยกลุ่มข่าวฟูซาน

ตั้งแต่เริ่มมีอายุ 15 ปี ศิษย์พี่ชายจินก็เริ่มเข้าออกสถานกักกันตัว แม้เขาจะถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ แต่ทุกครั้งที่ถูกปล่อยตัวแล้ว ก็ยังประพฤติเหมือนเดิม เพราะไม่มีคนชี้แนะให้เขาเดินทางที่ดีกว่านี้ได้ บวกกับสังคมรังเกียจ ทำให้เขายิ่งไม่สามารถยืนอยู่ในสังคมได้ ต่อมาเขาไปฝึกเป็นนักล้วงกระเป๋า จากนั้นหลายสิบปีต่อมา เขาไปลักขโมย ทำความรุนแรง ติดยาเสพติดทำความผิดต่างๆ ทำให้เข้าออกเรือนจำหลายครั้ง

เมื่อเขาถูกจับตอนอายุ 35 ถูกตัดสินจำคุก 9 ปี เขารู้สึกหวาดกลัวมาก เกรงว่าตัวเองอยู่ในคุกอันยาวนานจะทำให้สูญเสียลูกเมียไป และเป็นห่วงว่าเมื่อลูกชายโตขึ้น จะมีปมด้อยเรื่องพ่อ ในเรือนจำเป็นสถานที่เขาคุ้นเคยดี เขารู้ดีว่าจะปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำได้อย่างไร ดังนั้น จึงไม่ได้ห่วงเรื่องจะอยู่ในเรือนจำสักกี่ปี แต่พอคิดถึงเรื่องไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ และไม่สมารถเลี้ยงดูพวกเขาได้ เขาจะรู้สึกทุกข์ทรมานมาก เขาเสียใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป เก็บน้ำตาไม่อยู่ต้องร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ และได้สำนึกผิดอยู่ทุกๆวัน เขาสำรวจการกระทำผิดของเขาที่ผ่านมา ไม่เพียงทำร้ายกับผู้ที่ได้รับความเสียหาย ยังเป็นลูกอกตัญญูของพ่อแม่ด้วย

จากเวลาหลายปีที่ต้องทนทุกข์ทรมาน เพื่อแสวงหาความสงบสุขทางใจ ศิษย์พี่ชายจิน เริ่มศึกษาหนังสือธรรมมะจากศาสนาต่างๆ และหนังสือปรัชญา เพื่อค้นหาหนทางแห่งชีวิต วันหนึ่งมีคณะนักบวชมาเยี่ยมเรือนจำ ดังนั้นเขาได้เข้าร่วมงานเรื่องจิตวิญญาณ

มีนักบวชคนหนึ่งได้แนะนำธรรมวิถีกวนอิม และเปิดฉายภาพยนตร์การปราศรัยธรรมของอนุตราจารย์ชิงไห่ ขณะนั้นจอโทรทัศน์มันเล็กเกินไป ตัวหนังสือก็ไม่ชัดเจน ดังนั้น เขาไม่สามารถเข้าใจถึงคำพูดของท่านอาจารย์ แต่ได้สังเกตภาพท่านอาจารย์ ในวีดีโอมีคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา ทันใดนั้นก็เกิดความคิดขึ้นมาบอกกับเขาว่า อาจารย์ท่านนี้ต้องเหมือนกับพระเยซูและพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน เป็นนักบุญที่รู้แจ้งสูงสุด จึงเป็นเหตุทำให้เขาสนใจในตัวท่านอาจารย์และการถ่ายทอดธรรมของท่าน เขาอยากจะสัมผัสกับคำสอนของท่านอาจารย์ ดังนั้น หลังจากเลิกงานแล้ว เขาจึงติดต่อกับผู้คุมเพื่อขอยืมหนังสือที่ทางนักบวชมอบให้กับเรือนจำ เมื่ออ่านจบ 2 เล่ม เขาเห็นว่าเนื้อหาสาระไม่ได้แตกต่างจากหนังสือธรรมมะที่เขาเคยอ่านมาก่อน ดังนั้น จึงไม่ได้อ่านต่อไป หลังจากนั้น ก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านี้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันหนึ่งศิษย์พี่ชายจินเห็นเพื่อนนักโทษคนหนึ่งแต่งตัวเรียบร้อย รีบจะไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เขากล่าวล้อเล่นขึ้นมาว่า “คุณจะไปตามนัดหรือ?” เพื่อนตอบว่า เขาเป็นสมาชิกชมรมธรรมวิถีกวนอิม เมื่อทางชมรมมีงานอบรมประจำในเรือนจำ และวันนั้นมีการสอนด้วย ศิษย์พี่ชายจิน เมื่อได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกแปลกใจ และนึกขึ้นมาได้ว่า นานมาแล้วที่เคยดูวีดีโอเทปและหนังสือท่านอาจารย์มาก่อน ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมงานอบรม และสมัครเรียนวิธีการนั่งสมาธิกับเพื่อนนักโทษคนนั้นด้วย

หลังจากเรียนวิถีสะดวกแล้ว ศิษย์พี่ชายจินมีประสบการณ์ภายในที่ดีมาก ทำให้เขาเชื่อมันในตัวท่านอาจารย์ชิงไห่ ต้องเป็นผู้ที่รู้แจ้งสูงสุด เขาพยายามทานอาหารเจตลอด อยากจะประทับจิตกับท่านอาจารย์ อาหารที่ทางเรือนจำจัดให้นั้น ประกอบด้วยข้าว น้ำซุป 1 ถ้วย และกับข้าวอีก 2 อย่าง แต่ในน้ำซุปและกับข้าวก็มีเนื้อสัตว์ หลายปีที่ผ่านมา เขาพยายามทานมังสวิรัติให้ได้ เลือกเอากับข้าวที่มีเนื้อสัตว์น้อยที่สุด และใช้น้ำล้างให้สะอาดหลายครั้ง จึงทาน แม้การทานมังสวิรัติในเรือนจำจะยุ่งยากมาก และไม่มีใครเข้าใจว่าเขากำลังบำเพ็ญอะไร แต่ความตั้งใจในการบำเพ็ญของเขาก็ยังหนักแน่นมาก และมีประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่คิดไม่ถึงมากมาย

เขาคิดว่าการประทับจิตเหมือนกับได้โลกมาทั้งโลก แต่เขาเหลือเวลาถูกคุมขังอีก 3 ปี อยากจะประทับจิตอย่างเขา จึงตั้งใจอธิษฐานกับท่านอาจารย์ พร้อมเขียนจดหมายจากใจจริงถึงท่านอาจารย์อีกฉบับหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่า ในวันที่เขียนจดหมาย จดหมายยังไม่ทันจะส่งออกไป ท่านอาจารย์ก็มาปรากฏตัวขณะที่เขานั่งสมาธิ และเรียกชื่อเขาได้อย่างชัดเจน หลังจากเขาตอบรับท่านอาจารย์แล้ว ท่านอาจารย์ได้กล่าวคำว่า"ประทับจิต" ออกมาอย่างชัดเจน ขณะนั้นเขามีประสบการณ์จากการประทับจิต แม้เริ่มต้นเขาจะไม่เข้าใจว่าประสบการณ์นั้นคืออะไร แต่รู้สึกดีมาก จนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาได้ดูวีดีโอเทปท่านอาจารย์ม้วนหนึ่ง เขาจึงเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของการประทับจิต ในวีดีโอเทป ท่านอาจารย์กล่าวว่า “ วิธีการประทับจิตเป็นการบอกเรื่องบางอย่างเท่านั้น การประทับจิตที่แท้จริงมาจากการถ่ายทอดธรรมจากภายใน “เมื่อเขาได้ยินท่านอาจารย์พูดเช่นนี้ จึงเข้าใจถึงประสบการณ์ในเรือนจำเมื่อ 10 ปีก่อน นั่นก็คือท่านอาจารย์ถ่ายทอดธรรมให้เขานั่นเอง

ตั้งแต่นั้นมา ศิษย์พี่ชายจินคิดถึงท่านอาจารย์ทุกวัน ทุกระยะเวลาที่ตื่นอยู่ เขาจะไม่ลืมท่องชื่อท่านอาจารย์ จนกระทั่งเขาได้ออกจากเรือนจำ หลังจากออกจากเรือนจำแล้ว เขาได้รับการประทับจิต แม้จะมีความสุขกับการประทับจิต แต่เขาต้องประสบกับปัญหาในการเลี้ยงชีพ เนื่องจากเขาต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว ชีวิตที่ไม่ดีในอดีตกลับมาหลอกเขาอีก ความรักเกียรติของเขาทำให้เขาไม่สามารถปล่อยให้ร่างกายไปทำงานที่ต่ำต้อยได้ ดังนั้น สุดท้ายก็ไปล้วงกระเป๋าและการลักขโมยตามความสามารถเดิม

วันหนึ่งศิษย์พี่ชายจินไปที่ศูนย์เห็นกระดานประกาศข่าวว่า “ไม่ว่าผู้ใดที่โกหกท่านอาจารย์หรือเพื่อนบำเพ็ญห้ามเข้าศูนย์” เขาคิดว่าข่าวนี้เป็นการว่าตัวเขา ในใจรู้สึกละอายใจมาก จึงไม่ไปที่ศูนย์อีก แม้ว่าทุกครั้งเขาไปลักขโมย ในใจรู้สึกเป็นทุกข์มาก พร้อมทั้งนึกเกลียดตัวเองด้วย แต่ไม่สามารถล้างมือไม่ทำได้ ในที่สุดเขาก็ถูกตำรวจจับได้อีก แต่สิ่งที่ประหลาดคือ ในขณะนั้น เขารู้สึกได้รับการปลดปล่อยและมีความสุขมาก

เขากลับเข้าสู่เรือนจำอย่างสงบ เตรียมรับผลกรรมจากการกระทำของเขา และขอให้ขังเดี่ยว อยู่ในเรือนจำ เขาสำนึกผิดทุกวันและนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียร ไม่นานเขาทราบว่า ผู้ต้องขังข้างห้องกำลังต้องการหาทางหลุดพ้น จึงแนะนำให้ผู้ต้องขังคนดังกล่าวฝึกนั่งสมาธิ (ผู้ต้องขังคนนี้ปัจจุบันกำลังบำเพ็ญวิถีสะดวก และรอวันปล่อยตัวจะได้รับการประทับจิต) หลังจากศิษย์พี่ชายจินออกจากเรือนจำครั้งนี้ ตัดสินใจล้างมืออย่างแน่นอน และยอมทำงานต่ำต้อยเพื่อเลี้ยงชีพ

ศิษย์พี่ชายจินขอบคุณท่านอาจารย์มากที่ให้อภัยเขา เขาอธิษฐานขอให้โลกนี้เป็นที่อยู่ที่สงบสุข และจะบริการด้วยกำลังกายที่เขามีอยู่ มาเผยแพร่คำสอนของท่านอาจารย์ และข่าวสารทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิต เขาไปเยี่ยมเรือนจำกับเพื่อนบำเพ็ญด้วยกัน เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังที่ต้องการกลับตัว เพื่อใช้ชีวิตใหม่ เขาทดลองบอกกับพวกเขาว่า สวรรค์และการหลุดพ้นของจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่มีจริง มันสำคัญกว่าชีวิตที่มีแต่วัตถุ

เพื่อให้ความช่วยเหลือกับผู้ต้องขังที่ต้องการทานมังสวิรัติ เขาส่งเงินให้พวกเขาไปซื้ออาหารมังสวิรัติ และขอร้องให้เพื่อนบำเพ็ญสนับสนุนที่เขาทำเช่นนี้ เป็นเพราะเขาเชื่อว่า ผู้ต้องขังทุกคนกำลังต้องการความรักความเอาใจใส่จากเพื่อนบำเพ็ญ

ผู้ต้องขังที่บำเพ็ญวิถีสะดวกในเรือนจำแดกุม, อันดอง, ชุงซอง และฟูซาน จะเขียนจดหมายติดต่อกับเพื่อนบำเพ็ญในพื้นที่ พวกเขาเขียนจดหมายเล่าความหวังและความฝันของพวกเขา และสำนึกความผิดที่ได้ทำลงไป ศิษย์พี่ชายจินรับผิดชอบติดต่อกับเรือนจำฟูซาน เขาอ่านจดหมายจากผู้ต้องขังส่งมาให้ด้วยตัวเอง และตอบจดหมายให้กำลังใจกับพวกเขา เขาเข้าใจถึงความทุกข์ของพวกเขามาก อธิษฐานขอให้พวกเขาสามารถค้นพบความสุขจากการหลุดพ้นอย่างถาวรจากความรักอันประเสริฐของท่านอาจารย์ และได้พบกับความจริงแห่งชีวิต นำประโยชน์มาให้กับตัวเองและทางโลก