อาจารย์เล่านิทาน

ไก่พูดกับเป็ด—อันดับชั้นมันต่างกัน ความเข้าใจก็ต่างกันด้วย

 

 

อนุตราจารย์ชิงไห่ ปราศรัยธรรมที่ซีหู ฟอร์โมซา
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2537 (ต้นฉบับเป็นภาษาจีน) (วีดีโอเทป #434)

จะเล่านิทานศาสนาให้พวกเธอฟัง ที่วัดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น มีศิษย์พี่ศิษย์น้อง 2 คนอาศัยอยู่ด้วยกัน ศิษย์ผู้พี่ฉลาดมาก รู้แจ้งมาก และเคร่งครัด หน้าตาก็ดี ศิษย์น้องหน้าตาขี้เหล่ มีตาข้างเดียว และโง่ด้วย คงเป็นอันดับชั้นระดับอสุรกาย

ครั้งหนึ่งศิษย์พี่ชายมีงานยุ่งมาก เหนื่อยมาก วันนั้นเขาจึงไปพักผ่อน นั่งสมาธิ บอกให้ศิษย์น้องที่มีตาข้างเดียวไปดูแลศูนย์ สถานที่ของพวกเขาเรียกว่า "ศูนย์ดวงอาทิตย์" วันนั้นมีพระรูปหนึ่งมาจากทางไกล เป็นพระธุดงค์ จะมาขอพักคืนหนึ่ง ทานอาหารมังสวิรัติมื้อหนึ่ง วันรุ่งขึ้นค่อยเดินทางต่อไปที่อื่น ศิษย์น้องคนนั้นแม้ว่าอันดับชั้นจะอยู่ที่แดนอสุรกาย ไม่ได้วิเศษอะไร แต่ระเบียบต้องเป็นระเบียบ เขาจะทดสอบพระรูปนั้น หาโอกาสเป็นเจ้าอาวาสไม่ใช่เรื่องง่าย! ศิษย์พี่นอนหลับแล้ว เขาก็เป็นใหญ่อยู่คนเดียว ดังนั้น เขาจะทดสอบพระ เขาขึ้นไปนั่งอยู่บนโต๊ะที่ปูด้วยผ้าสีเหลือง แล้วเรียกพระรูปนั้นมานั่งที่พื้น (อาจารย์กับทุกคนหัวเราะ) ถามว่า "ท่านมาจากไหน?" พระตอบว่า “ข้าพเจ้ามาจากเมืองโตเกียว จะมาขอพักคืนหนึ่ง พรุ่งนี้จะรีบเดินทางไปงานศพ"

แล้วศิษย์น้องก็พูดว่า "ขอต้อนรับท่าน! ถ้าท่านมีความสามารถ ตอบคำถามข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าก็จะอนุญาตให้ท่านอยู่ได้ จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้" พระที่มาจากทางไกลตอบว่า "ตกลง! ระเบียบนี้ข้าพเจ้าทราบดี ขอให้ท่านถามมาเถิด!" ศิษย์น้องไม่ทราบว่าจะถามอะไร เขานั่งคิดอยู่ "ทางที่ดีข้าพเจ้าใช้วิธี "ศาสนาพุทธไม่ต้องใช้คำพูดดีกว่า ทำเช่นนี้เขาจะต้องแพ้แน่ เพราะไม่ว่าเขาจะตอบอย่างไรก็ตอบไม่ถูก ข้าพเจ้าจะว่าเขาตอบถูกก็ได้ จะว่าไม่ถูกก็ได้"

หลังจากที่ศิษย์น้องกับพระถาม-ตอบอยู่สักครู่ พระรูปนั้นวิ่งไปหาศิษย์พี่ชาย กล่าวว่า "โอ้โฮ! ข้าพเจ้าจะไปแล้ว ข้าพเจ้าแพ้แล้ว ข้าพเจ้ามาทักทายท่านสักคำ พบกันใหม่ ศิษย์น้องของท่านร้ายกาจจริง ๆ คิดไม่ถึงจริง ๆ! ข้าพเจ้าต้องขอโทษด้วย! เพราะได้แพ้แล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถอยู่เยี่ยมท่านที่นี่ เพื่อเรียนรู้กับท่าน ศิษย์น้องของท่านยังเก่งขนาดนี้ ท่านต้องเก่งกว่าแน่! แต่ต้องขอโทษด้วย ข้าพเจ้าแพ้แล้ว ก็ต้องรักษาระเบียบต้องรีบไป"

ขณะนั้น ศิษย์พี่ชายพักผ่อนพอแล้ว ก็ถามเขาว่า "พวกท่านถาม-ตอบเรื่องอะไร? ทำไมจึงแพ้เล่า?" พระตอบว่า "เขาให้ข้าพเจ้าแสดงก่อน ข้าพเจ้าจึงชู 1 นิ้ว แสดงว่าโลกนี้มีพุทธะเท่านั้นที่ทรงคุณค่า มันหมายถึงผู้ที่รู้แจ้งสูงสุด จากนั้น ศิษย์น้องของท่านก็ชูขึ้นมา 2 นิ้วทันที (ทุกคนหัวเราะ) โอ้โฮ! ข้าพเจ้าเลยแพ้! ข้าพเจ้าทราบว่า เขาหมายถึง ถ้าพุทธไม่ได้ออกมาปราศรัยธรรม ไม่ได้เผยแพร่คำสอนของท่าน เพียงนั่งอยู่ที่นั่นก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะพุทธกับคำสอนต้องรวมกันขึ้นมาจึงจะมีประโยชน์ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงต้องแพ้ ข้าพเจ้าขอนับถือท่านมาก ต่อมาข้าพเจ้าพยายามทดลองดู ดูว่าจะแก้ตัวได้หรือเปล่า ข้าพเจ้าจึงชูขึ้นมา 3 นิ้ว (ทุกคนหัวเราะ) แสดงถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ต้องอยู่ร่วมกันจึงจะสมบูรณ์ หมายความว่า พระอยู่ด้วยกัน แม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็เป็นหนึ่งเดียวกัน พระธรรมก็เช่นกัน ในโลกนี้มีพุทธเท่านั้น ที่ทรงคุณค่าที่สุด คำสอนของท่านก็เป็นสัจธรรม ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงชู 3 นิ้ว หมายถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ "

"โอ๊ย! ศิษย์น้องของท่านยกกำปั้นต่อยมาที่จมูกข้าพเจ้า (ทุกคนหัวเราะ) เกือบจะโดนแล้วสิ นั่นหมายความว่า ถ้าคนเรารู้แจ้งฉับพลัน (อาจารย์กับทุกคนหัวเราะและปรบมือ)เขาหมายความว่า แม้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เพื่อให้คนหลุดพ้นชาติเดียว แต่ "รู้แจ้งฉับพลัน" เก่งกว่า ตีคนครั้งเดียว ทำให้เขาตื่นขึ้นมาทันที ดังนั้น ข้าพเจ้าจนปัญญา ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านเก่งเหลือเกิน จึงรีบมาขอโทษท่าน ทักทายสักคำ เพื่อแสดงความนับถือ จากนั้น ข้าพเจ้าก็ขอไปเดี๋ยวนี้"

เมื่อพระไปแล้ว ศิษย์น้องไล่มาจากข้างหลัง ถามศิษย์พี่ว่า "พระที่มาจากทางไกลอยู่ที่ไหน? มันไปไหนแล้ว?" ศิษย์พี่ตอบว่า "เขาแพ้เธอ จึงวิ่งหนีไปแล้ว เจ้าช่างร้ายกาจจริงๆ! เจ้าร้ายกาจจริงๆ ข้าพเจ้าคิดไม่ถึงว่า เจ้าจะรู้แจ้งได้ขนาดนี้! ต้องขอโทษด้วย หลายปีที่ผ่านมามองข้ามตัวเจ้าไป ขณะนี้ข้าพเจ้าจึงทราบว่า เจ้าเก่งจริงๆ" ศิษย์น้องกล่าวว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้ชนะเขา! ข้าพเจ้ากำลังจะไปชกเขา เขาก็หนีไปแล้ว"(อาจารย์กับทุกคนหัวเราะ) ศิษย์พี่กล่าวว่า "เจ้าจะไปชกเขาทำไม? เขาบอกว่าเจ้าชนะเขา แล้วเจ้าจะไปชกเขาทำไม? บอกกับข้าพเจ้าหน่อย เธอทั้งสองถาม-ตอบอะไรบ้าง?"

ศิษย์น้องตอบว่า "พี่ไม่รู้หรอก! พระรูปนั้นยะโสมาก พอมาถึงก็มาท้าทายข้าพเจ้า เขาเห็นข้าพเจ้ามีตาข้างเดียว ก็หัวเราะเยาะข้าพเจ้า (อาจารย์กับทุกคนหัวเราะ) เขาชู 1 นิ้วขึ้นมาทันที เย้ยว่าข้าพเจ้ามีตาข้างเดียว แต่ข้าพเจ้ายังจำได้ว่า พี่ให้ข้าพเจ้าต้องอดทน ไม่ว่าคนอื่นจะตีจะด่าเจ้าอย่างไร เจ้าต้องอดทน ข้าพเจ้าเป็นพระ จึงต้องยอม จึงอดทนไว้ ข้าพเจ้าจำได้ว่า พุทธบอกว่าต้องทำดีเมื่อได้รับการกล่าวโทษ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ดังนั้น ข้าพเจ้าพยายามระงับความโกรธไว้ ไม่ตอบโต้ ข้าพเจ้าชูขึ้นมา 2 นิ้ว ชมว่าเขามีบุญบารมี มีตา 2 ข้าง (อาจารย์กับทุกคนหัวเราะ) แต่เขายังไม่พอใจ เขาเห็นว่าข้าพเจ้ายอมเขาแล้ว เขาจึงเยาะเย้ยข้าพเจ้าต่อไป"

ศิษย์พี่กล่าวว่า "เขาเยาะเย้ยเจ้าอย่างไร? เขาเป็นพระ จะเยาะเย้ยเจ้าได้อย่างไร?" ศิษย์น้องกล่าวว่า "เขาชูขึ้นมา 3 นิ้ว หมายความว่า เราทั้งสองรวมกันขึ้นมามี ตาอยู่ 3 ข้าง (อาจารย์กับทุกคนหัวเราะและปรบมือ) พี่คิดว่าข้าพเจ้าจะไม่โกรธได้อย่างไร! ขณะนั้น ข้าพเจ้าทนไม่ไหว อยากจะชกเขาสักครั้ง แต่แล้วเขาก็หนีไปได้ (อาจารย์กับทุกคนหัวเราะ) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงวิ่งตามมา ถ้าเขาไม่หนีไปก่อน ข้าพเจ้าจะชกเขาหลายครั้งให้ดู" (อาจารย์กับทุกคนหัวเราะ) เพราะพระรูปนั้นวิ่งหนีไป มิฉะนั้น ยังมีนิทานเล่าต่อให้ฟังกัน