อาจารย์กล่าว

สร้างสวรรค์ที่ถาวร
ให้ตัวเราและอนุชนรุ่นต่อไป

 

ปราศรัยโดยอนุตราจารย์ชิงไห่ สิงคโปร์ วันที่ 3 มีนาคม 2535
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วีดีโอเทป #223

 

หากทุกคนมีชีวิตตามแบบที่ไบเบิ้ลกล่าวเอาไว้ และทุกคนเห็นพระเจ้าภายใน เห็นแสงของพระเจ้า อาณาจักรของพระเจ้า ได้ยินเสียงพระวจนะของพระเจ้า หรือธรรมชาติแห่งพุทธะ โลกของเราก็จะกลายเป็นสวรรค์ เพราะแสงและเสียงนี้ทำให้เรากลายเป็นนักบุญ ทำให้เรากลายเป็นพุทธะ และโลกที่พุทธะอาศัยอยู่ก็คือนิพพาน โลกที่นักบุญอยู่อาศัยก็คือ สวรรค์หรืออาณาจักรแห่งพระเจ้า

ปรับเข้าหาพลังพระเจ้า

ดาวเคราะห์อื่น ๆ มากมายมีบรรยากาศแบบสวรรค์นี้ เพราะสรรพสัตว์ทั้งหลายบนดาวเคราะห์เหล่านั้นฝึกการปรับเข้าหาพลังพระเจ้า และความปรารถนาของเขาก็สมหวัง มีพลังในมือของพวกเขาและมีความสงบสุขในตัวของพวกเขาภายในหมู่เพื่อนบ้านของพวกเขา บนดาวเคราะห์เหล่านั้นมีแต่การทำความดีเท่านั้น โดยไม่มีด้านที่เป็นลบเหมือนอย่างบนโลกของเรา บางดวงมีความเจริญมากกว่า ในขณะที่บางดวงล้าหลังกว่า เราไม่มีเวลาที่จะมาคุยกันในเรื่องเหล่านี้ เราพูดเรื่องโลกของเราก่อนได้ นั่นเป็นเรื่องที่เหมาะสมในทางปฏิบัติและจำเป็นที่สุด

ถ้าเธอเข้าใจถึงบรรยากาศ เมื่อสิ่งที่เป็นวัตถุนั้นเบา มันก็จะลอยขึ้น มันขึ้นไปในบรรยากาศที่สูงขึ้น เหมือนความร้อนหรืออะไรแบบนั้น และสิ่งใดที่หนักหรือเย็นจะอยู่ในส่วนที่ต่ำกว่าของบรรยากาศหรืออยู่ต่ำกว่า เนื่องจากแรงโน้มถ่วง

รักษาความถี่ของแรงสั่นสะเทือนที่สูงเอาไว้

ในทำนองเดียวกัน ความดีจะอยู่เหนือความเป็นลบไม่มากก็น้อย ในโลกแห่งความดีและความชั่วของเรา แน่นอน ความดีจะอยู่ข้างบน แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นอิสระจากความเป็นลบ เรามีมันติดอยู่กับเพื่อนบ้านของเรา หรือติดกับสภาพที่ต่ำกว่าของเรา โลกอื่น ๆ มีแต่ความดีเท่านั้น เราเรียกสถานที่เหล่านี้ว่า สวรรค์หรืออาณาจักรพระเจ้า เราสามารถไปถึงดาวเคราะห์เหล่านี้ หรือเราตอนนี้จะไปเยี่ยมก็ได้ ถ้าเรามีคุณสมบัติแบบเดียวกัน หรือมีความถี่ของแรงสั่นสะเทือนเหมือนสรรพสัตว์บนดาวเคราะห์เหล่านี้

ดังนั้น การบำเพ็ญในอาณาจักรของพระเจ้าหรือการบรรลุนิพพาน จึงไม่ใช่เรื่องโกหก แต่มันเป็นวิถีชีวิตที่เห็นได้แจ่มชัดมาก และเป็นวิทยาศาสตร์มาก หากเราต้องการมีชีวิตแบบนั้น มันก็ไม่ยาก มันเป็นเพียงวิถีชีวิตที่เราเลือก

ได้มาซึ่งสวรรค์แบบชั่วคราวทุก ๆ วัน

พระเจ้าไม่ได้ให้ความยากจนแก่โลกนี้ พระเจ้าไม่ได้สร้างนรก มันเป็นตัวเรา-ด้วยความผิดพลาดของเรา ด้วยปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน ด้วยการเลือกการกระทำที่ผิดในเวลาที่เด็ดขาด เราจึงได้สร้างนรกขึ้นมา เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราสามารถคิดทบทวนและสร้างสวรรค์ อย่างน้อยก็สวรรค์แบบชั่วคราว เราจะได้พักผ่อนชั่วครู่ แล้วเราก็จะได้เป็นอิสระจากภาระของโลกนี้ชั่วครู่ และเราสามารถคิดว่าเราต้องการทำอะไรต่อไป ว่าเราต้องการกลับไปยังโลกอีกหรือไปสู่ขั้นที่สูงสุดของสวรรค์ เราสามารถตัดสินใจได้ เพราะฉะนั้น สวรรค์ชั่วคราวสามารถได้มาด้วยการกระทำความดี ด้วยการมีศรัทธาในพระเจ้า ด้วยการสวดภาวนา ด้วยการสำนึกผิดอย่างจริงใจในความผิดของเรา ด้วยการพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดเสมอสำหรับสังคมและตัวเรา และด้วยการพยายามเป็นมังสวิรัติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันสามารถเสนอสิ่งทดแทนด้วยก้อนเต้าหู้ในบางครั้งบางคราว มันถูกกว่า ย่อยง่ายกว่า และมีความรู้สึกผิดน้อยกว่า บาปน้อยกว่า และกรรมน้อยกว่า กรรมหมายถึง หว่านพืชอะไรก็ได้ผลอย่างนั้น หรือก็คือกฎแห่งเหตุและผล เพราะฉะนั้น นี่ก็คือสวรรค์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเธอจะสร้างให้ตัวเธอเองในตอนนี้

การเป็นมังสวิรัติคือการช่วยเหลือโลกจริง ๆ

เราพยายามเป็นมังสวิรัติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การเป็นมังสวิรัติไม่ใช่เป็นวิถีชีวิตตามหลักศาสนาเท่านั้น แต่มันเป็นวิธีที่จะช่วยโลกให้รอดพ้นจากความอดอยากและความยากจน เรามีงานวิจัยมากมายที่จะพิสูจน์ในเรื่องนั้น เราสูญเสียผลิตภัณฑ์ของมนุษย์และของโลก และทรัพยากรไปมากมาย เพื่อจะเลี้ยงวัวและหมูเป็นเวลาหลาย ๆ ปี สูญเสียยา โปรตีน ถั่ว และผักสารพัดชนิดเป็นปริมาณมาก เพื่อจะเลี้ยงหมู 1 ตัว และเรากินมันภายในเวลาอันรวดเร็วมาก 5 นาที ถ้าเธอกินช้าแบบนั้น บางคนอาจกินภายใน 1 นาที!

ดังนั้นถ้าเราเป็นมังสวิรัติ ไม่เพียงแต่เพราะว่าเราเป็นคนธรรมะธรรมโมเท่านั้น แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือโลกจริง ๆ โลกของเราตกอยู่ในความยากจน ในบางส่วนของโลก และมีความอดอยาก เพราะเราไม่ทำงานร่วมกันที่จะช่วยเหลือกันและกัน มีงานการกุศลและงานบรรเทาทุกข์มากมาย ไม่ต้องสงสัย แต่นั่นไม่ใช่รากเหง้าของปัญหา การขาดแคลนอาหาร ไม่ได้มีต้นตออยู่ในแอฟริกาเท่านั้น หรืออยู่ในประเทศเอเชียบางประเทศ มันมีต้นตอมาจากอาหารที่มีการกินเนื้อสัตว์ จากพลังงานทั้งหลาย จากเทคโนโลยีทั้งหลาย และกิจกรรมที่มีไหวพริบอื่น ๆ มากมาย ซึ่งทุ่มให้กับการเลี้ยงเนื้อสัตว์ แทนที่จะนำไปวิเคราะห์เพื่อช่วยเหลือประชากรโลกให้ดีกว่านี้ หรือเพื่อโภชนาการที่ดีกว่านี้ สำหรับผู้คนทั้งมวล

ตามที่เธอรู้กันดีในขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า อาหารมังสวิรัตินั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก โรงพยาบาลทั้งหลายถูกสร้างให้ใครกัน? คนกินเนื้อสัตว์ไงล่ะ! คนส่วนใหญ่ที่นั่นเป็นคนที่ไม่ใช่มังสวิรัติ เพราะฉะนั้น ถ้าเราให้อาหารตัวเราด้วยยาพิษ เราก็จะต้องรักษาตัวเราด้วยอุปกรณ์ของโรงพยาบาล เราสร้างความเดือดร้อนเป็น 2 เท่าให้ตัวเรา

สร้างยุคทองด้วยการใช้ชีวิตแบบนักบุญ

เราจะต้องรักษาที่รากเหง้าไม่ใช่ที่กิ่ง การช่วยเหลืองานบรรเทาทุกข์หรือบริจาคอาหารให้คนยากจน ไม่ใช่ทางแก้ของปัญหาความอดอยากของโลก รากเหง้าอยู่ที่ตัวเราแต่ละคน ซึ่งเราจะต้องช่วยเหลือ เราจะต้องประหยัดพลังงานบางอย่างของเรา และทรัพยากรของโลกเพื่อพี่ ๆ น้อง ๆ ของเรา ยกตัวอย่าง ประเทศด้อยพัฒนาอาจจะขายผลิตภัณฑ์ของเขาให้แก่ประเทศที่พัฒนาแล้วเพื่อเป็นอาหารของวัว แต่แล้วประเทศด้อยพัฒนากลับอดอยาก เราจะต้องแก้ด้วยการแบ่งปัน เราจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

แน่นอน ฉันไม่ใช่นักการเมือง ฉันพยายามได้แค่บอกให้เธอช่วยด้วยวิธีการของฉัน ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของฉัน ผู้นำของโลกจะต้องทำงานร่วมกัน หากพวกเขาสนใจในความผาสุกของทุกชาติ ไม่เพียงแค่ชาติของเราเท่านั้น แต่ก็นับว่าเป็นการดีพอแล้วที่เราเอาใจใส่ประเทศของเรากันอยู่แล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณและสุขใจ เมื่อได้เห็นชาติใด ๆ มีความเจริญรุ่งเรือง ใช้ชีวิตในความสะอาด มีความเป็นนักบุญ และสามัคคีกัน ยกตัวอย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์

เราสามารถทำให้มันเป็นยุคทองได้อีกครั้งหนึ่ง โดยการใช้ชีวิตแบบชาวคริสต์ ใช้ชีวิตแบบชาวพุทธ หรือชาวฮินดูที่แท้จริง ฯลฯ เอาใจใส่ดูแลในความรับผิดชอบทางคุณธรรมของเรา ช่วยเหลือเพื่อนบ้านของเราเท่าที่เราสามารถทำได้ สละทรัพย์ของเราบ้าง และความอยากในรสชาติบางอย่างของเรา เพื่อช่วยในการพัฒนาโลกให้ก้าวหน้า และช่วยเหลือพี่ชายพี่สาวคนอื่น ๆ ที่ยากไร้

การสร้างเพื่ออนุชนรุ่นหลัง

ในลักษณะนี้ เราได้ใช้ความพยายามของเราช่วยสร้างชาติให้ดีขึ้นสำหรับอนุชนรุ่นหลัง มันไม่ถือว่าสูญเปล่า มันจะเป็นประโยชน์ต่อลูกหลานเหลนของเรา มันจะไม่สูญเปล่า เราไม่จำเป็นต้องดูแลอนุชนในปัจจุบันอย่างเดียว และเราไม่จำเป็นต้องคิดว่า “โลกดีขึ้น แต่เราจะตายไป และเราจะไม่ได้รับประโยชน์จากมัน” ลูก ๆ ของเราจะได้รับประโยชน์ แม้ถ้าเราไม่มีลูก เราก็ไม่ควรคิดแคบ ๆ เช่นนี้ แต่ขอให้คิดถึงความสุขของผู้อื่นซึ่งเกิดหลังเรา ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขสมานฉันท์ และอยู่ในโลกที่อุดมสมบูรณ์ สิ่งนั้นควรทำให้เราดีใจเพียงพอแล้ว โดยปราศจากการได้มาซึ่งวัตถุใด ๆ และนี่คือหนทางของสุภาพบุรุษ! นี่คือวิธีการที่เล่าจื้อ ขงจื้อ พระพุทธเจ้า และพระเยซูคริสต์ได้เพียรพยายามที่จะสั่งสอนมนุษย์เมื่อหลายพันปีมาแล้ว

สิ่งที่ฉันบอกเธอไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เราได้ลืมไป และพวกเราบางคนไม่ได้พยายามที่จะใช้ชีวิตแบบนั้น เราจึงไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ตอนนี้เราสามารถลองดูได้แล้ว เราสามารถทดลองดูในวันพรุ่งนี้ และดูว่ามันเป็นอย่างไร ดูว่าเรารู้สึกดีขึ้นแค่ไหน ดูว่ามันให้ประโยชน์แก่ประเทศของเราและแก่โลกโดยรวมอย่างไร