|
รายงานตามคำสั่งและการจัดอันดับของท่านอาจารย์
เป็นนโยบายสำคัญที่นิ่มนวลที่ประธานาธิบดี คิมดาจุง รณรงค์ต่อเกาหลีเหนือ ความคิดมาจากนิทานอีสปเรื่อง "ดวงอาทิตย์กับลมเหนือ" ของนิทานอีสป เนื้อหากล่าวถึงผู้เดินทางถอดเสื้อคลุมกันหนาวเพราะแสงแดด ไม่ใช่ลมเหนือ หมายความว่า นโยบายที่มีต่อเกาหลีเหนือนั้น ไม่ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญหน้ากัน แต่ต้องอาศัยความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมมากระตุ้นให้เกาหลีเหนือเปิดประตูออกมา ช่วงเวลาปี 2543 ประธานาธิบดีคิมดาจุง ได้บริจาคโคนมฝูงใหญ่กับปุ๋ยให้กับเกาหลีเหนือ และได้ร่วมประชุมครั้งประวัติศาสตร์กับคิมจุงอิล ต่อจากนั้น ครอบครัวที่ต้องจากกันเพราะสงครามเกาหลีจึงได้พบกันอีก ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้คิมดาจุง ♥♥♥♥♥♥♥ ได้รับรางวัลสันติภาพโนเบล ประธานาธิบดีโรมูฮัน ♥♥♥♥♥♥♥ก็ได้สนับสนุนนโยบายแสงอาทิตย์นี้ และได้บริจาคอาหารและปุ๋ยไปที่ทางเหนือ เพื่อช่วยเหลือประชาชนเกาหลีเหนือที่กำลังจะประสบความอดอยาก ความพยายามเหล่านี้อย่างน้อยมีผลกระทบต่อผู้ถือลัทธิคอมมิวนิกส์ในการปกครอง เปิดประเด็นให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ร่วมดำเนินโครงการ 2 อย่าง เปิดเขตอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวภูเขาคุมกัง คือให้วงการธุรกิจของเกาหลีใต้ลงทุน บนเส้นทางของทหารที่แยกเกาหลีเหนือ-ใต้ โดยเปิดเมืองที่เกาหลีเหนือ ที่ใกล้เส้นองศาที่ 38 จัดตั้งเขตอุตสาหกรรม และประชาชนชาวเกาหลีใต้ก็เริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกาหลีเหนือ คือ ภูเขาคิมกัง
แต่ว่า จากเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา หลังจากเกาหลีเหนือทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์แล้ว นโยบายแสงอาทิตย์เข้าสู่ทางตันทั้งภายในและภายนอก ไม่เพียงพรรคอนุรักษ์ของเกาหลีใต้ขอร้องให้หยุดนโยบายนี้ นานาชาติก็อยากจะให้องค์การสหประชาชาติตัดสิน ทำการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ เมื่อถูกคว่ำด้วยทางเศรษฐกิจ เกาหลีเหนือจะประสบความยากลำบากที่สาหัสอีกครั้ง เหมือนกับช่วงกลางทศวรรษที่ 90 (ปี 2534-2543) ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตายด้วยความอดอยาก ผลิตผลทางเกษตรของเกาหลีเหนือแต่ละปีเก็บได้ 4,000,000 ตัน แต่อย่างน้อยต้องมี 6,000,000 ตัน จึงจะพอแก่การหลีกเลี่ยงความอดอยากของประชาชนได้ ไม่สนใจต่อพรรคฝ่ายค้านที่คัดค้านอย่างรุนแรง ทางรัฐบาล โรมูฮัน ได้ประกาศว่า รัฐบาลจะไม่สั่นไหวต่อนโยบายแสงอาทิตย์ที่เป็นหลักการมูลฐาน [สัญลักษณ์สันติภาพแห่งเกาะเกาหลี] ซึ่งเป็นโครงการธุระกิจ 2 อย่างระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ – การท่องเที่ยวภูเขาคิมกัง กับการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรม จะคงดำเนินต่อไป โรห์เคยให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ว่า "บางคนโต้ว่า พวกเราไม่ควรกลัวสงคราม เป็นคำพูดที่ไม่รับผิดชอบและอันตรายด้วย การก่อสงครามเกาหลี นำมาซึ่งภัยพิบัติที่ทำลายล้างชาวเกาหลีทั้งหมด ไม่มีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้" นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงคนใหม่รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกันก็ได้กล่าวว่า แม้เกาหลีเหนือจะทำการทดลองนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 2 การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมของเกาหลีใต้ก็ยังจะดำเนินการต่อไป คำแถลงต่อหน้าทั้งหมดนี้ ได้แสดงออกถึงความจริงใจที่มีต่อเกาหลีเหนือ ประเทศที่อยู่อย่างโดยเดี่ยวไร้ความช่วยเหลือ เมื่อเร็ว ๆ นี้ตัดสินใจจะกลับมาประชุมกันทั้ง 6 ฝ่าย เมื่อนั้น ปัญหายุติอาวุธนิวเคลียร์กับการรักษาสันติภาพจะถูกนำมาวิเคราะห์อีกครั้ง ความจริง เวลานี้กำลังต้องการนโยบายแสงอาทิตย์ที่สุด แม้เกาหลีเหนือจะไม่สนใจต่อความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ ยังไม่ถอดเสื้อคลุมนอกออก—ยอมอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ว่า เมื่อลมเหนือพัดมาแรง ผลสุดท้ายจะทำให้เกาหลีเหนือยิ่งกอดเสื้อคลุมให้แน่นยิ่งขึ้น
การประกันการดูแลคนชราที่อยู่ในบ้าน จะประกาศใช้เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2551 ระบบการดูแลตามบ้าน วัตถุประสงเพื่อให้ผู้ชราที่เจ็บป่วยและเคลื่อนไหวไม่สะดวกมีชีวิตที่มั่นคง และลดความรับผิดชอบของครอบครัวผู้ชรา ผู้ดูแลที่ได้รับการอบรมเป็นพิเศษ จะไปเยี่ยมผู้ชราตามบ้าน พร้อมบริการสิ่งต่าง ๆ เช่น การช่วยอาบน้ำ ช่วยการเคลื่อนไหวของร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำความสะอาดเก็บกวาด ซื้อสิ่งของจำเป็นและหุงหาอาหารต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับคนชราที่เจ็บป่วยนั้น จะมีพยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อนกับผู้ดูแลเพื่อทำการรักษาและให้บริการสอบถามด้วย สำหรับผู้ชราที่ไม่มีครอบครัว จะถูกจัดให้อยู่ในศูนย์ดูแลที่เจาะจง งบการใช้จ่ายในการบริการทางรัฐบาลเป็นผู้ออกให้
จัดยารักษาโรคเอดส์ให้ฟรี ในเกาหลี ผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์ จะได้รับยารักษาโรคเอดส์จากรัฐบาลกลางร่วมกับสถานที่ในท้องถิ่นฟรี หลังจากมีวิธีการรักษาโรคเอดส์ที่ได้ผล (ที่เรียกว่าการรักษาแบบคอกเทล คือ การรวมยา 3 ชนิดของยารักษาโรคเอดส์) ซึ่งได้สั่งเข้ามาในเกาหลีปี 2540 ผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์ก็จะไม่ปิดกั้นตัวเอง และไปขอความช่วยเหลือจากกรมสาธารณสุขตามสมควร ช่วยในการป้องกันพิษร้ายได้ด้วย เดือนมิถุนายนปีทองที่ 3 (2549) การแพร่ระบาดโรคเอดส์ของเกาหลีได้ลดลงเหลือ 0.1% เรื่องที่มีรายงานเข้ามามีเพียง 4,277 รายเท่านั้น
กฎหมายต่อต้านการค้าประเวณี รัฐบาลเกาหลีได้ออกกฎหมายต่อต้านการค้าประเวณี เมื่อเดือนกันยายน ปีทองที่ 1 (2547) จุดมุ่งหมายไม่เพียงลดอาชีพค้าประเวณีลง สิ่งสำคัญต้องการปลุกจิตสำนึกที่ดี มองการค้าประเวณีเป็นการทำผิดกฎหมาย อย่างน้อยเป็นการกระทำน่าละอาย ขณะที่ได้ใช้บทกฎหมายฉบับนี้ องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับสตรี(NGO)ได้รณรงค์เคลื่อนไหวการสอนชาวบ้าน โดยประกาศว่าการค้าประเวณีเป็นการกระทำที่รุ่นแรงชนิดหนึ่ง ไม่เพียงทำร้ายสิทธิของสตรี ยังทำร้ายสุขภาพของพวกเธอด้วย หลังจากใช้กฎหมายฉบับนี้แล้ว สถานบริการและหญิงค้าประเวณีได้ลดลงมากกว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้วางโครงการ เพื่ออบรมให้สตรีเปลี่ยนงานใหม่ สถานเริงรมแทบจะไม่มีคนเที่ยวเลย การทำร้ายสิทธิมนุษย์ชนของสถานบริการเหล่านี้ก็ได้สลายตัวไปด้วย แม้จะยังมีการค้าประเวณีอยู่เป็นปะปลาย แต่กฎหมายฉบับนี้มีผลดีต่อประชาชนโดยตรง
|