รายงานตามคำสั่งและการจัดอันดับของท่านอาจารย์

 

ยุคทองแห่งการปลอดบุหรี่กำลังเริ่มปรากฏ

โดยกลุ่มข่าวสหราชอาณาจักร (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

ในปี 2530 สมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO)ได้อนุมัติให้กำหนดวันงดสูบบุหรี่โลกขึ้นมา โดยได้มีการตั้งเป้าหมายว่าจะลดจำนวนการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ลงจำนวน 3.5 ล้านคนต่อปี ตั้งแต่ปี 2531 เป็นต้นมา วันที่ 31 พฤษภาคม จึงเป็นวันที่ถูกกำหนดไว้ทั่วโลกเพื่อดึงชาวโลกให้มาสนใจพิษภัยของบุหรี่ และป้องกันการเสียชีวิตและเจ็บป่วยโดยมีสาเหตุมาจากบุหรี่

ด้วยการเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบมากขึ้นถึงความเสี่ยงของสุขภาพจากการสูบบุหรี่หลายประเทศเคลื่อนไหวโดยการประกาศห้ามการสูบบุหรี่แล้ว ประเทศอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีโรงงานยาสูบใหญ่ที่สุดในโลก และมีคดีความในศาลเป็นจำนวนมาก ได้เป็นผู้นำในเรื่องนี้ ในปี 2542 เมืองซาน หลุยส์ โอบิโซ่ รัฐแคลิฟอร์เนียได้กลายเป็นเมืองแรกในโลกที่ได้ออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ภายในอาคาร และตั้งแต่นั้นมามีอีกหลาย ๆ เมืองได้ใช้มาตรการเดียวกันนี้ โดยได้ยกตัวอย่างเมืองบางเมืองตามข้างล่างนี้

หลังจากใช้ความพยายามในการติดต่อประสานงานมาเป็นเวลา 4 ปี ก็ได้บรรลุข้อตกลงระหว่างประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก(WHO) ทั่วโลก "กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมบุหรี่ เอฟซีทีซี (FCTC)" สนธิสัญญาได้เริ่มตั้งแต่นั้นมา สมาชิกของ WHO ได้ทำสัตยาบันและลงนามสนธิสัญญานั้นร่วมกัน หลังจากที่ได้มีการทำสัตยาบันกับรายที่ 40(ประเทศเปรู)สนธิสัญญานี้ก็ได้มีผลบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 จนถึงปัจจุบันนี้ มีประเทศที่ร่วมลงนามในสนธิสัญญานี้รวม 168 ประเทศ และ มี 141 ประเทศที่ร่วมทำสัตยาบันแล้ว ดังนั้นจึงได้กลายมาเป็นกลุ่มคณะที่มีข้อผูกพันอย่างถูกต้องตามกฎหมายภายใต้กรอบอนุสัญญาและสนธิสัญญาชั้นต้นว่าด้วยการควบคุมบุหรี่

เป้าหลักสนธิสัญญาสุขภาพมวลชนนี้ ซึ่งเป็นการแนะนำแนวทางให้ควบคุมการผลิตและการบริโภคบุหรี่ ซึ่งเป็นก้าวย่างที่ดีของการดูแลสุขภาพประชาชนทุกชาติ และเป้าหมายหลักสำหรับความร่วมมือนานาชาติในประชาคมโลกนี้

ทวีปยุโรป ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักกันดีว่า การสูบบุหรี่เป็นประเพณีมานานที่ฝังรากลึก แต่เร็ว ๆ นี้กลับกลายเป็นผู้นำของโลกในการออกกฎหมายเพื่อห้ามการสูบุหรี่ ตั้งแต่ปี 2547 ประเทศไอร์แลนด์,นอรเวย์,อิตาลี่,มัลต้า,สวีเดน และ สก๊อตแลนด์ ได้ห้ามการสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศได้ประกาศ หรือ มีแผนในการที่จะออกกฎหมายลักษณะนี้เช่นกัน ในปี 2546 อียู ได้อนุมัติคำสั่งเพื่อต้องการให้ทุกประเทศสมาชิกประกาศห้ามการโฆษณาบุหรี่ในที่สาธารณะ ทางวิทยุ และทางอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่ 31 กรกฎาคม 2548

การดำเนินการนี้ได้เกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกเช่นกัน ประเทศที่เป็นอิสลาม เช่น อิหร่าน ซีเรีย เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ผ่านกฎหมายที่ต่อต้านการสูบบุหรี่อย่างกว้างขวาง และเนื่องจากการเติบโตของจำนวนทุนการศึกษาในโลกอิสลามตลอดทั้งหมด ได้ทำการแยกแยะยาสูบเสมือนเป็น "สิ่งต้องห้าม" ละเว้นโดยอิสลาม ซึ่งได้นำเสนอกฎหมายใหม่นี้โดยผู้นำรัฐบาล ดังนั้น ปัจจุบันนี้ประเทศมุสลิมเกือบทั้งหมดได้ทำการเสนอประกาศห้ามการสูบบุหรี่

เรื่องราวที่ยกมาเป็นความพยายามอย่างถ่อมตนในการที่จะจุดประกายให้เห็นแวบเข้าไปสู่ปรากฏการณ์ธรรมชาติภายใต้กระแสความเคลื่อนไหวของโลกนี้

เนปาลเป็นประเทศล่าสุดที่เข้าร่วมในกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมบุหรี่ เอฟซีทีซี(FCTC)การอนุมัติมีขึ้น วันที่ 7 พฤศจิกายน 2549 รัฐบาลได้ประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนว่า ประเทศมีแผนที่จะห้ามการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะพร้อมกับการห้ามโฆษณาบุหรี่จากสื่อสิ่งพิมพ์ ภายใต้คำสั่งจากศาลสูงสุดของประเทศ

ฟินแลนด์ทบทวนพระราชบัญญัติควบคุมบุหรี่ในเดือนมีนาคม 2538 เพื่อห้ามการสูบบุหรี่ ในสถานที่สาธารณะและที่ชุมชนทั้งหมดรวมทั้งที่ทำงาน จากการศึกษาชิ้นหนึ่งชี้ให้เห็นว่า นี่ได้นำไปสู่การเป็น "เครื่องหมาย" การลดการสูบบุหรี่ ในเดือน มิถุนายน 2549 รัฐสภาฟินแลนด์อนุมัติย่างเป็นเอกฉันท์กับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการห้ามสูบบุหรี่ในร้านอาหารและเครื่องดื่ม มีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2550

ในอเมริกา 14 รัฐและกว่า 2,000 เมือง รวมทั้งนิวยอร์ก ลอสแองเจิลลิส และชิคาโก ได้นำเอากฎหมายต่อต้านการสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะที่เป็นระบบปิด อันหนึ่งที่รวมในนี้คือ เมื่อเร็ว ๆ นี้ คาลาบาซ่า แคลิฟอร์เนียซึ่งห้ามการสูบบุหรี่ทั้งหมดภายนอกและภายในสถานที่สาธารณะเช่นกัน นี่เชื่อได้ว่าเป็นการห้ามที่กว้างขวางที่สุดของสหรัฐอเมริกา เมืองซานดิเอโก ซึ่งห้ามการสูบบุหรี่ในสวนสาธารณะ ชายหาด และสถานที่กลางแจ้งที่มีชื่อเสียงในเดือนกันยายน 2549 แอ็สแลนด์ เคนตั๊กกี้ ก็ห้ามการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะและที่ทำงานในร่มทั้งหมดพร้อมกันกับสนามกีฬากลางแจ้ง อาคาร รวมทั้งระเบียงร้านอาหาร โดยมีผลใช้ในเดือนตุลาคม 2549 และที่ฮาวายซึ่งกลายเป็นรัฐที่ปลอดบุหรี่อันดับ 14 ในวันที่ 16 พฤศจิกายน เมื่อความแข็งแกร่งของกฎหมายต้านการสูบบุหรี่กำลังใช้ได้ผล เมืองหลวงขอสหรัฐอเมริกา วอชิงตัน ดี ซี ก็ได้เข้าร่วมด้วยใน เดือนมกราคม 2550

มีผลใช้ในเดือนตุลาคม 2549 การห้ามสูบบุหรี่อย่างสมบูรณ์แบบกับทุกสถานที่ในประเทศลักเซมเบิร์ก แม้แต่ร้านค้าแผงลอยกลางแจ้งของห้างสรรพสินค้า ในภัตตาคาร ก็เป็นเขตปลอดบุหรี่อย่างสมบูรณ์เต็มที่

ในออสเตรเลีย เมืองทาสมาเนียเป็นแห่งแรกเริ่มนำประกาศห้ามการสูบบุหรี่ทั้งหมดในเดือนมกราคม 2549 ในผับ บาร์ และ คลับที่เป็นสถานที่ปิด ในตอนเหนือของออสเตรเลีย ได้เป็นที่ห้ามสูบบุหรี่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2549 เขตเมืองหลวงของออสเตรเลียจะพอใจกับเขตปลอดบุหรี่ในที่สาธารณะ ในเดือนธันวาคม 2549 กฎหมายต่อต้านการสูบบุหรี่ในควีนส์แลนด์ นำมาใช้เดือนมิถุนายน 2549 ออสเตรเลียขึงขังที่สุดกับการห้ามสูบบุหรี่ในผับ คลับ ภัตตาคารและที่ทำงานทั้งหมด พร้อมกันกับร้านค้าอาหารเครื่องดื่มกลางแจ้งและสถานที่สาธารณะ เช่น ชายหาด สนามเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่น สนามกีฬาขนาดใหญ่ และในรัศมี 4 เมตรของทางเข้าอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัยประจำ

เกาหลีประกาศห้ามการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล สถานพยาบาลตอนกลางวัน โรงเรียนอนุบาล รวมทั้งสถานศึกษาอื่น ๆ เขตปลอดบุหรี่นี้ได้ถูกกำหนดในร้านเกมส์อิเลคโทรนิค ร้านอินเทอร์เน็ต ห้องสมุดใหญ่ ๆ สนามเบสบอล และฟุตบอล ภัตตาคารใหญ่ บนรถไฟ ด้านนอกชานชาลาสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน นอกจากนั้น ศูนย์สาธารณสุขในประเทศก็ได้จัดให้มีการรักษาฟรีให้กับผู้ต้องการเลิกบุหรี่

สำหรับรายละเอียดนโยบายห้ามการสูบบุหรี่ทั่วโลกโปรดเยี่ยมชม:
 http://www.suprememasterchinghai.tv/no_smoking.htm (เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)

เว็บไซต์อ้างอิง

http://www.fctc.org/treaty/index.php

http://www.tobacco.org/

http://www.smokefreeworld.com/index.html

http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_smoking_bans