วันที่ 3 ธันวาคม ปี 2549 ลมไต้ฝุ่นดุเรียนที่มีกำลังแรงสูงพัดถล่ม ฟิลิปปินส์ ทำความเสียหายอย่างหนักให้กับเกาะลูซอนด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 20 ปี อนุตราจารย์ชิงไห่เมื่อทราบข่าวที่น่าเสียใจนี้แล้ว จึงบริจาคเงิน 100,000 เหรียญสหรัฐทันที พร้อมแนะนำเพื่อนบำเพ็ญสมาคมนานาชาติรีบไปที่สถานที่เกิดเหตุ ให้ความช่วยเหลือตามสภาพเหตุการณ์ที่ต้องการอย่างเต็มที่ เพื่อนบำเพ็ญสมาคมนานาชาติเดินทางไปถึงหัวเมืองเลกาสปี ของมณฑลแมเยอร์เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ทำการช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ทันที หลังจากเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงแล้ว วันที่ 7 ธันวาคม ทำการจัดซื้อสิ่งของช่วยเหลือจนครบและจัดส่งสิ่งของต่าง ๆ ทันที วันที่ 8 ธันวาคม เพื่อนบำเพ็ญมาถึงห้องทำงานของนายกเทศมนตรีเมืองเลกาสปี พบกับนายโนเอล โรสัล นายกเทศมนตรี เขาบอกกับพวกเราว่า มีอำเภอ 2 แห่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก-กุนโนบาตัน กับดารากา มีผู้ประสบภัยมากกว่า 30,000 คนที่รอการช่วยเหลือ เขาอยากให้พี่น้องเพื่อนบ้านได้รับความช่วยเหลือด้วย ดังนั้น เพื่อนบำเพ็ญจึงดำเนินการช่วยเหลือครั้งต่อไป (รายละเอียดเชิญอ่านธรรมสารฉบับที่ 177) วันที่ 9 ธันวาคม มณฑลเลกาสปี มีฝนตกหนักเนื่องจากลมไต้ฝุ่นที่มาใหม่อีกรอบอยู่ที่สถานที่ใกล้ ๆ ศูนย์ที่พักบางแห่งของผู้ประสบภัยมีสภาพไม่ดีเลย ทั้งไม่มีหลังคาด้วย ดังนั้น ศูนย์พัฒนาสวัสดีการสังคมรีบจัดให้ผู้ประสบภัยย้ายไปอยู่ที่อื่น เพื่อนบำเพ็ญนอกจากช่วยการขนย้ายแล้ว ยังได้ทำการแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือจนเสร็จก่อนวันที่ 11 ธันวาคมที่พวกเขาย้ายออก เพื่อนบำเพ็ญทำตามคำแนะนำของท่านอาจารย์ โดยเพิ่มเกลือกับซี่อิ๋วในการแจกจ่ายสิ่งของเพื่อบรรเทาทุกข์ ผู้ประสบภัยเมื่อได้รับแล้วต่างซาบซึ้งใจและกล่าวว่า : มีเพียงท่านอาจารย์ชิงไห่เท่านั้นที่มีความเอาใจใส่ทุกอย่าง ทราบถึงความต้องการของพวกเขา คิดส่งเกลือให้พวกเขา และสิ่งของที่ท่านอาจารย์ส่งมานั้นได้ส่งมาถึงมือผู้ประสบภัยโดยตรง ทำให้พวกเขาได้รับของขวัญความรักในครั้งแรกก่อนใคร การแจกสิ่งของบรรเทาทุกข์เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่สมาคมพัฒนาสวัสดีการสังคมหยิบเอาภาพถ่ายท่านอาจารย์มากล่าวว่า : “ขอบคุณอนุตราจารย์ชิงไห่มาก! ขอบคุณอนุตราจารย์ชิงไห่มาก!“ นอกจากนี้ สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในตัวเมืองมาสัมภาษณ์ศิษย์พี่ชายในกลุ่มกู้ภัย ระหว่างการสัมภาษณ์ ศิษย์พี่ชายได้บอกถึงความห่วงใยของท่านอาจารย์ที่มีต่อเหตุการณ์ในฟิลิปปินส์ วันที่ 12 ธันวาคม เพื่อนบำเพ็ญได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจจากท่านอาจารย์ พวกเขานอกจากขอบคุณการให้พรของท่านอาจารย์แล้ว ยังได้ตัดสินใจจะทำงานช่วยเหลือในครั้งนี้อย่างสุดความสามารถ ระยะนี้ได้รับความช่วยเหลือจากนายโรสัล เพื่อนบำเพ็ญได้รับการแก้ไขปัญหาการจราจร ได้เดินทางไปเยี่ยมหมู่บ้าน ไมปอน หมู่บ้าน ไมปอนเป็นเขตที่ได้รับความเสียอย่างหนักในอำเภอกุยโบบาตัน กระแสดินหินที่ลมพายุพัดพามาฝังผู้คนไปเกือบ 300 ชีวิต เพื่อนบำเพ็ญมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ถูกลมพายุทำลายที่อยู่ตีนเขามายอน ตลอดทางมีลมที่หอบเอาทรายพัดมาต่อหน้าตลอดทาง และพบกับสะพานหักไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ โชคดีที่มีพระเจ้าจัดการ ชาวบ้านนำทางอย่างกระตือรือร้น เพื่อนบำเพ็ญเปิดเทปสวดพุทธของท่านอาจารย์ตลอดทาง หลังจากต้องเดินลุยน้ำข้ามไป จึงได้ไปถึงสถานที่เกิดเหตุได้อย่างราบรื่น ชาวบ้านบอกกับเพื่อนบำเพ็ญว่า ที่พวกเขาเหยียบอยู่บนดินดำเหล่านี้เดิมที่เป็นทุ่งนาที่กว้างใหญ่ บ้านชาวนา และเป็นเขตบ้านพักชั้นดีสำหรับคนรวยที่ชอบบรรยากาศทุ่งนา เมื่อมาเทียบกับสภาพวันนี้ ทำให้คนรู้สึกทันทีว่าชีวิตนี้ไม่เที่ยง จากนั้น เพื่อนบำเพ็ญมาถึงอำเภอดารากา นายอำเภอนายจัวเซี่ยน บอกกับพวกเราว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา งานช่วยเหลือจากองค์กรอิสระนานาชาติ เอ็นจีโอ จะยุติหลังเกิดเหตุ 3 สัปดาห์ และเวลานี้ห่างจากวันเกิดเหตุเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว จากนั้น ทางอำเภอ ดารากา จะประสบความยากลำบาก เขาหวังว่าสมาคมนานาชาติอนุตราจารย์ชิงไห่จะให้ความช่วยเหลือพวกเขาต่อไป หมู่บ้านบูแซย์เป็นเขตที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดในอำเภอดารากา ในหมู่บ้านมีผู้คนถูกกระแสดินหินพาไปสูญหายและเสียชีวิตจำนวน 200 คน แม้จะพบกับภัยธรรมชาติเช่นนี้ ผู้ประสบภัยยังกล่าวแบบมองโลกในแง่ดีว่า พวกเขาเชื่อมั่นต่อพระเจ้า แล้วแต่การจัดการของพระเจ้า ความเชื่อมั่นที่มีต่อพระเจ้าของผู้ประสบภัยทำให้คนซาบซึ้งใจ เมื่อได้รับสิ่งของช่วยเหลือจากเพื่อนบำเพ็ญที่นำไปแจก พวกเขาขอบคุณท่านอาจารย์ที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้ทันต่อเวลา ทุกคนต่างมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ และยิ้มออกมาอย่างมีความสุข หลังจากเพื่อนบำเพ็ญเสร็จจากงานช่วยเหลือที่เมืองแมเยอร์ที่มี 3 อำเภอต้องช่วยเหลือ จึงเดินทางต่อไปที่เมืองนากาในมณฑลคามารินใต้ที่ต้องการความช่วยเหลือด่วนอีกแห่ง เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นายกเทศมนตรีนายเจสซี โรบรีโด ซาบซึ้งคุณสมาคมนานาชาติมากที่ให้ความช่วยเหลือ และเสนอให้เพื่อนบำเพ็ญส่งหนังสือตัวอย่างท่านอาจารย์กับดีวีดีให้เขา เขาจะนำเอาคำสอนของท่านอาจารย์ไปไว้ในห้องสมุด เพื่อให้คนได้รับประโยชน์มากขึ้น ขณะนั้นเป็นอาทิตย์ที่ 4 หลังเกิดภัยพิบัติ เพื่อนบำเพ็ญไปเยี่ยมผู้ประสบภัยแต่ละหมู่บ้าน เพื่อยืนยันว่าสิ่งของได้ส่งไปถึงมือผู้ประสบภัยที่มีความต้องการจริง ๆ ชาวบ้านเขตนี้ทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เนื่องจากผลิตผลการเกษตรถูกทำลายหมด บวกกับชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากจน ดังนั้น สำหรับพวกเขาแล้ว ความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์เหมือนฝนที่ตกลงมาทันต่อเหตุการณ์ กำนันคนหนึ่งกล่าวกับเพื่อนบำเพ็ญว่า เนื่องจากชาวบ้านจวนจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ เธอจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าก่อนนอน คิดไม่ถึงว่า ตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น สมาชิกสมาคมนานาชาติก็มาถึงที่หมู่บ้าน เธอคิดว่าความรักความเอาใจใส่ที่ท่านอาจารย์มีต่อผู้ประสบภัย เป็นการตอบสนองของพระเจ้าที่มีต่อเธอ ! ต่อจากนั้น เพื่อนบำเพ็ญมาถึงหมู่บ้าน เดล โรซาเรีย เนื่องจากเทศกาลวันคริสต์มาสจวนจะมาถึง เพื่อนบำเพ็ญสมาคมนานาชาติอยากให้ผู้ประสบภัยได้มีเทศกาลวันคริสต์มาสที่ไม่ขาดแคลนสิ่งของต่าง ๆ จึงจัดเตรียมข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เกลือ กับซี่อิ๊ว พร้อมลูกกวาดวันคริสต์มาสต่าง ๆ เป็นต้น จากการช่วยเหลือของผู้อาสา ทำการหุ้มห่อตลอดคืน พร้อมเปิดเพลงที่ท่านอาจารย์ขับร้องในสำนักงานหมู่บ้าน ทำให้ทุกคนทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่มีความสุข กำนันมีความประหลาดใจต่อนางฟ้าที่ลงมาจากสวรรค์ผู้นี้มาก เพื่อนบำเพ็ญจึงมอบดีวีดีที่แนะนำประวัติย่อ ๆ ของท่านอาจารย์พร้อมหนังสือธรรมสารให้กับกำนัน กำนันรีบไปเปิดดูในคอมพิวเตอร์จนจบ พร้อมแนะนำเจ้าหน้าที่ในสำนักงานหมู่บ้านให้ความร่วมมือเพื่อนบำเพ็ญเต็มที่ เพื่อแจกจ่ายสิงของบรรเทาทุกข์ก่อนวันคริสต์มาส วันที่ 26 ธันวาคม เพื่อนบำเพ็ญเสร็จสิ้นงานช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ที่ฟิลิปปินส์ เพื่อนบำเพ็ญแต่ละคนที่เข้าร่วมงานบรรเทาทุกข์ ต่างซาบซึ้งความรักของท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์เคยบอกกับพวกเราว่า ขณะที่พวกเรากำลังทำงานบรรเทาทุกข์ ท่านก็ทำงานร่วมกับพวกเราด้วยกัน ครั้งนี้ เพื่อนบำเพ็ญต่างก็ได้สัมผัสถึงเวลาแจกจ่ายสิ่งของนั้น ท่านอาจารย์ไม่เพียงได้ช่วยเหลือจิตวิญญาณที่เป็นทุกข์เพราะภัยพิบัติ ยังอยู่กับพวกเราตลอดเวลา ประทานความรักและพลังพรมาให้กับทุกคน แม้เขตเกิดเหตุจะขาดน้ำขาดไฟ เต็มไปด้วยการทดสอบ แต่เพื่อนบำเพ็ญก็ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากรอยยิ้มที่ซาบซึ้งคุณของผู้ประสบภัย รู้สึกถึงความสำคัญของความรักความช่วยเหลือที่มีต่อกันและกันระหว่างสรรพสัตว์ |