อาจารย์กล่าว
 

องค์อัลเลาะห์ ผู้ ยิ่งใหญ่!

 

กล่าวโดยท่านอนุตตราจารย์ชิงไห่
การสัมมนาพิเศษในประเทศไทย
28 พฤศจิกายน 2549 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

 

ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณองค์อัลเลาะห์ที่เธอมาได้(กล่าวกับผู้ประทับจิตชาวเปอร์เซีย)องค์อัลเลาะห์ทรงให้พรที่ท่านช่วยและรักพวกเธอมากที่พวกเธอสามารถมาที่นี่ และเป็นพี่ชายและพี่สาวของพวกเราได้ ช่วยขอบคุณองค์อัลเลาะห์ -ทุกคน (ผู้ฟัง:ขอบคุณ องค์อัลเลาะห์!)องค์อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ พูดว่า: “องค์อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่” (ผู้ฟัง: องค์อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่!)

นี้คือวิธีพูดในภาษาเปอร์เซีย : “องค์อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่: Khoda bozorg ast.”(พูดกับผู้ฟัง)พวกเธอพูดได้ไหม?ลองเถอะ: “Khoda bozorg ast.” (ผู้ฟัง: Khoda bozorg ast!) องค์อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่! (ผู้ฟัง: องค์อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่!)

 

เก่ง ขอบใจ ขอบใจ! องค์อัลเลาะห์หมายถึงพระเจ้าในภาษาเปอร์เซีย มันไม่ใช่พระเจ้าที่แตกต่างออกไป มันเป็นชื่อในภาษาเปอร์เซีย ในภาษาอังกฤษ มันคือพระเจ้าและในภาษาเปอร์เซียมันคือองค์อัลเลาะห์ ดังนั้นพวกเธอพูดได้ว่า “องค์อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ ” หรือ “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่” ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยปราศจากองค์อัลเลาะห์ เราไม่สามารถทำอะไรได้โดยปราศจากการให้พรจากองค์อัลเลาะห์ ดังนั้นเราต้องขอบคุณพระเจ้าและขอบคุณองค์อัลเลาะห์เสมอ นั่นเป็นสี่งถูกต้อง อย่าลืม อย่าลืมที่จะขอบคุณพระเจ้าเสมอ!

ฉันมีความสุขมากที่พวกเธอมา องค์อัลเลาะห์ต้องรักพวกเธอมาก! มันดีสำหรับประเทศของเธอ โอ้พระเจ้า เธอจะต้องจริงใจมาก เมื่อเธอจริงใจและต้องการบางสิ่ง องค์อัลเลาะห์จะช่วยเสมอ! มันไม่มีปัญหา อย่าลืมพระเจ้า

โอกาสที่ดีทางจิตวิญญาณสำหรับการดำรงอยู่บนสิ่งนี้และดาวเคราะห์อื่น ๆ

 

ถ: ดาวเคราะห์โลกเท่านั้นที่เป็นดาวเคราะห์ทางกายภาพหรือไม่ ถ้าไม่ มีดาวเคราะห์อื่นอีกไหมในระบบสุริยะ

อ: ใช่:มีดาวเคราะห์ทางกายภาพอีกมากมายที่ซึ่งมีผู้คนคล้ายพวกเรา

ถ: ฉันได้ยินจากการบรรยายของท่านว่ามีสิ่งที่ดำรงบนดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะ เช่นดวงจันทร์ หรือดาวศุกร์ และจิตสำนึกของพวกเขาสูงกว่าที่มนุษย์เป็นอยู่

อ: ไม่ใช่ ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้ ฉันได้พูดก่อนหน้านี้ว่ามีสิ่งที่ดำรงอยู่อื่น ๆ ในดวงจันทร์อยู่ในระดับสามหรือระดับสี่ การในดวงอาทิตย์ก็คล้ายกันกัน แต่พวกเขาไม่พัฒนาเหมือนพวกเรา บางคนในพวกเราไม่มีระดับสูงเช่นพวกเขา แต่เรากำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ และบางคนในพวกเราอยู่ระดับสูงกว่าสิ่งที่ดำรงอยู่บางตนในดวงจันทร์หรือในดวงอาทิตย์ ตัวอย่างเช่น เพราะว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

สิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรือสิ่งที่ดำรงอยู่ทางกายภาพใด ๆ ถูกให้กำเนิดเป็นระดับต่ำกว่าหรือระดับสูงกว่าเหมือนกัน และถ้าพวกเขาไม่มีอาจารย์ทางจิตวิญญาณที่จะสอนพวกเขา พวกเขาจะอยู่อย่างนั้น พวกเขาจะไม่มีปัญหาเลย แต่พวกเขาแค่จะไม่เปลี่ยนแปลง ในระดับกายภาพนี้ พวกเราได้เปรียบว่าในร่างมนุษย์มันเร็วกว่าในการก้าวหน้าในการฝึกฝนทางจิตวิญญาณ ถ้าเธอมีอาจารย์ทางจิตวิญญาณแนะนำเธอ

แต่บนดาวเคราะห์ทางกายภาพนี้มีความทุกข์ทรมานมากมาย ในดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์หรือดาวเคราะห์อื่น ๆ บางดวง พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรคือ ความทุกข์ทรมาน พวกเขาไม่มีคำนั้นในพจนานุกรม เขาไม่แม้แต่มีพจนานุกรม! พวกเขาไม่ต้องการภาษาถ้อยคำ พวกเขาเบิกบานกับความสงบ ความสุข ความมั่นคง และสุขสำราญทางจิตวิญญาณและพวกเขาเบิกบานกับโทรจิต พวกเขาชอบพัฒนาอย่างสูงอยู่บ้าง แต่เรามีความได้เปรียบในการมีร่างกายและการมีความทุกข์ในการผลักดันเราให้ฝึกฝนเร็วกว่าในดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ตัวอย่าง พวกเขาไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาเบิกบานกับความสุขสำราญทุกเวลา พวกเขาไม่รู้สึกต้องการการฝึกฝน ดังนั้นนาน ๆ ครั้งที่พวกเขาจะสามารถกระโดดไประดับห้าเหมือนการเป็นมนุษย์ที่นี่ เราสามารถกระโดดไประดับห้าได้

แต่มีราคาที่เราจะต้องจ่ายที่นี่! แม้แต่เป็นอาจารย์ก็ตาม มีราคา อาจารย์บนดาวเคราะห์ดวงดาวไม่ถูกตามรบกวนที่นั้นเลย และการดำรงอยู่ที่นั้น แม้แต่การดำรงอยู่ของดาวเคราะห์ดวงดาว มีไหวพริบมากกว่าในการสอน เปิดกว้างมากกว่า ยอมรับมากกว่า และรับความคิดง่ายกว่า

อะไรก็ตามบนดาวเคราะห์ทางกายภาพดวงนี้เป็นนรก มันยากเพราะเรามีร่างกายนี้ ร่างกายนี้เป็นพาหนะที่สวยงาม แต่มันก็เป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ด้วย มันสร้างความยุ่งยากทั้งหมด มันสร้างสงครามระหว่างประเทศ มันสร้างสงครามภายใต้ศาสนา มันสร้างสงครามระหว่างศาสนา มันสร้างสงครามระหว่างประเทศ มันสร้างสงครามระหว่างสมาชิกครอบครัว ระหว่างสามีและภรรยา เพียงแค่เพราะร่างกายทางกายภาพนี้มีจิตใจและสมอง และได้ถูกตั้งโปรแกรมหลายทางต่างกันมากมายที่สองโปรแกรมไม่เคยเหมือนกัน และดังนั้นเราทะเลาะกันโดยมาก นั้นคือวิธีที่เรามีปัญหาบนดาวเคราะห์นี้ แต่สิ่งนี้ก็เป็นเครื่องมือด้วย นั้นมันเหมือนกับมีดที่มีสองด้าน: ยากที่จะหลบหลีก

ความกล้าหาญขององค์อัลเลาะห์

 

ผู้แปลภาษา: มีคำถามอื่นอีกไหม

อ: มีค่ะ (ท่านอาจารย์ฟังภาษาเปอร์เซีย) ฉันรู้สึกว่ามันสวยงามมากแต่ฉันไม่รู้มันคืออะไร

ผู้แปลภาษา: มันเป็นส่วนหนึ่งของกลอน

อ: ไม่ต้องสงสัยเลย!ฉันอยากร้องไห้เมื่อฉันได้ยินเธอพูด แม้ฉันไม่เข้าใจภาษา

ผู้แปลภาษา: ความหมายของมันคือ “ฉันเต็มไปด้วยความเศร้า ไม่รู้ว่าท่านกำลังมา แต่เมื่อท่านมา ความเศร้าทั้งหมดของฉันหายไป”

อ: เก่งมาก! มันยอดเยี่ยมมาก (ผู้คนปรบมือ)

อ: (พูดกับผู้แปลภาษา) เธอแปลมันได้ไหมตอนนี้ มันสวยงามเกินไปหรือเปล่า

ผู้แปลภาษา: ได้ครับ ผมทำได้ ผมแค่รู้สึกมาก สามีของผู้ประทับจิตและลูกสาวคนโตของเธอส่งความรักของพวกเขามาให้ท่าน ท่านอาจารย์ และพวกเขาร่วมมืออย่างมาก ทำอย่างดีที่สุดที่จะให้แน่ใจว่าทุกอย่างได้เข้าที่ ดังนั้นคนเหล่านี้สามารถมาที่นี่ได้

อ: ส่งความรักของฉันให้พวกเขาและ “การขอบคุณ” ของฉัน

ผู้แปลภาษา: และลูกสาวของเธอได้วาดภาพบางภาพของ การนั่งสมาธิของท่านอาจารย์และเต็มไปด้วยแสงจากนิมิต และสามีพูดว่า เขาหวังเราจะมีครอบครัวมังสวิรัติมามากกว่านี้อีก

อ: ใช่ มากกว่านี้กำลังจะมา นั่งสมาธิของเธอให้แข็งขันและสวดถึงองค์อัลเลาะห์ทุกวัน แล้วมันจะมาถึง

คำถาม: ท่านอาจารย์ ขอบคุณท่านมากสำหรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันอย่างมากมาย วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมีในชีวิต(เสียงปรบมือ)

อ: (พูดกับผู้แปลภาษา)บอกพวกเขาว่าฉันก็ขอบคุณพวกเขาด้วยทุกครอบครัวที่นี่ มันเป็นพวกเขาผู้ที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาเอง มันเป็นระดับที่สูงในการเข้าใจทางจิตวิญญาณของพวกเขาเองที่ทำให้เขาตระหนักอะไรก็ตามที่พวกเขาคิดถูกต้อง มันหมายความว่าพวกเขามีมันอยู่ภายในพวกเขา พวกเขาจะนำพรมากกว่านี้ไปสู่ประเทศพวกเขา พวกเขาจะนำการเปลี่ยนแปลงที่ดีไปสู่ประเทศของเขาและผู้คนของเขา พวกเขาเป็นวีรบุรุษ:พวกเธอทุกคนเป็นวีรบุรุษขององค์อัลเลาะห์(เสียงปรบมือ)

ถ: ฉันขอขอบคุณท่าน ท่านอาจารย์ สำหรับการปกป้องของท่าน เมื่อแม่ของฉันจากไปเรารู้สึกมันได้

อ: มันยอดเยี่ยม

ถ: เรารู้สึกขอบคุณ พวกเราทั้งหมดในครอบครัวเรู้สึกถึงความเมตตาของท่าน เมื่อมันบังเกิดขึ้น ขอบคุณ

อ: มันยอดเยี่ยมมากเพราะว่าเธอควรรู้สึกมีความสุขเมื่อเธอจากไปสู่ดาวเคราะห์ที่สูงกว่า

 

การฝึกฝนทางจิตวิญญาณแสดงให้เห็นถึงความมีอยู่ทั่วทุกแห่งในขณะเดีวกันขององค์อัลเลาะห์

 

ถ: ด้วยธรรมวิถีกวนอิม ฉันเปลี่ยนไปอย่างน่าสนใจในความเข้าใจเกี่ยวกับว่าการสวดมนต์อ้อนวอนคืออะไร เพราะกฎแห่งกรรมบนโลก เราจะสวดมนต์ที่จะช่วยผู้อื่นได้อย่างไร

อ: การนั่งสมาธิของเราเป็นการสวดมนต์ที่ดีที่สุด: การติดต่อโดยตรงกับแหล่งของพรทั้งหมด และการปกป้องทั้งหมด และความรักทั้งหมด ที่เป็นองค์อัลเลาะห์ พระเจ้าหรือองค์อัลเลาะห์รู้ว่าเราต้องการอะไรก่อนที่เราจะพูดมัน เพราะท่านอยู่ทุกหนแห่งดังนั้นถ้าเราติดต่อมากกว่านั้น เราสามารถรู้แม้แต่ที่ท่านรู้

อะไรที่ฉันหมายถึงเป็นสิ่งนั้น ก่อนที่เราจะติดต่อโดยตรงกับองค์อัลเลาะห์หรือพระเจ้าผ่านธรรมวิถีกวนอิม เราสวดมนต์ถึงองค์อัลเลาะห์แต่เราไม่รู้ว่าองค์อัลเลาะห์ได้ยินหรือไม่ เราคิดว่าองค์อัลเลาะห์รู้แต่เราไม่รู้ ตอนนี้เรารู้ว่าท่านรู้ เราติดต่อ เรารู้สึกมันและเรารู้มันได้ แต่ก่อน ท่านรู้ว่าท่านรู้ แต่เราไม่รู้ว่าท่านรู้และตอนนี้ท่านรู้ว่าเรารู้ว่าท่านรู้ และเรารู้ว่าท่านรู้ว่าเรารู้ว่าท่านรู้;มันชัดเจน! นั้นเป็นความแตกต่าง ดังนั้นการนั่งสมาธิในธรรมวิถีกวนอิมเป็นการสวดมนต์ที่ดีที่สุด มันเป็นการสวดมนต์ทางตรง

ก่อนติดต่อโดยกวนอิม องค์อัลเลาะห์รู้เสมอว่าเราต้องการสิ่งใด และองค์อัลเลาะห์บอกเราเสมอว่าอะไรที่เราต้องทำ แต่เราไม่เข้าใจมัน แต่ตอนนี้หลังการติดต่อโดยกวนอิม เรารู้สึกโดยสังหรณ์ว่าอะไรที่องค์อัลเลาะห์ต้องการให้เราทำและท่านจะช่วยเราอย่างไร และความกรุณาของท่านทำงานทุกนาทีในเวลาในชีวิตของเราอย่างไร เรารู้ตัวมากขึ้นถึงความตั้งใจของพระเจ้า ยิ่งเราฝึกฝนธรรมวิถีกวนอิมมากเท่าไหร่เรายิ่งรู้ถึงคำแนะนำของพระเจ้าเพราะมันอยู่ในระดับของวิญญาณที่เป็นเชาน์ปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มันไม่เหมือนก่อนที่เราจะฝึกฝนธรรมวิถีกวนอิมที่พระเจ้าไม่ช่วย หรือพระเจ้าไม่ได้ยินหรือพระเจ้าไม่ได้ให้พร ดังนั้นเป็นแค่เพราะเราไม่รับความคิดง่ายพอที่จะเห็นหรือนำมาปฏิบัติ ดังนั้นตอนนี้เรารู้ตัวมากกว่าแต่ก่อนตลอดเวลา มากกว่าทุกวัน

สันติสุขจะมาเช่นที่เราปรารถนา

 

ถ: ท่านอาจารย์ ฉันรักท่านมาก ๆ และฉันรู้ว่าท่านคือการปรากฎของพระเจ้าบนโลกเพื่อช่วยผู้คน ฉันได้ฝึกฝนการนั่งสมาธิประมาณ 25 ปี และฉันรักแสงสว่าง ดังนั้นเมื่อฉันเห็นท่านในสุพรีมาสเตอร์ทีวีฉันรู้ว่าท่านเป็นหนึ่งเดียว

อ: โอ้ จริงหรือ! นั้นยอดเยี่ยมมาก พวกเธอชาวเปอร์เซียเธอทั้งหมดสวยงามมากเหมือนความงามโบราณ สวยงามมากและบริสุทธิ์มาก

ฉันบอกชาวจีนและชาวเอาหลากวานนี้ว่าผู้ฝึกฝนทางจิตวิญญาณของธรรมวิถีกวนอิมจะย้ายภูเขาและระดับของมหาสมุทรด้วยพลังของพวกเขาโดยไม่ต้องทำอะไร ดังนั้นแค่อดทน ทำสมาธิและสันติสุขโลกจะมา (เสียงปรบมือ) มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจีน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฟอร์โมซาและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเอาหลาก ฉันไม่สามารถบอกประเทศที่แตกต่างได้มาก ฉันแค่บอกเธอเกี่ยวกับประเทศที่ฉันรู้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่! การพัฒนาครั้งใหญ่ในประเทศเหล่านี้ที่ไม่มีใครจินตนาการว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน ตัวอย่างเช่น ฟอร์โมซาและจีนได้จับมือกันและกัน ทุกวันนี้ชาวจีนสามารถมาเยี่ยมฟอร์โมซา สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานาน และมันเกิดขึ้นตอนนี้ (เสียงปรบมือ) คิดบวกและทำสมาธิ มันจะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้น (เสียงปรบมือ) สิ่งที่ดีจะเกิดขึ้นเพราะพระเจ้ารู้จริง ๆ พระเจ้ารู้ว่าเราต้องการอะไร เราเพียงรอและมองดู

ถ: ฉันต้องการจะพูดว่าฉันชีวิตของฉันเป็นหนี้บุญคุณท่าน และฉันขอบคุณท่านสำหรับทุกสิ่ง

อ: ไม่เป็นไร ด้วยความรัก แล้วมีบางสิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับเธอหรือ

ถ: สิ่งที่ดีมากมาย ฉันได้รับการประทับจิตตั้งแต่กันยายน และชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ฉันปฎิบัติแบบวิถีสะดวก วันแล้ววันเล่าฉันเห็นการเปลี่ยนแปลง มันอาจจะไม่เห็นได้ชัดต่อคนอื่น แต่ข้างในฉันรู้สึกใจเย็นและสงบ และฉันเป็นหนี้บุญคุณต่อท่าน

อ: ไม่เป็นไร เธอเป็นหนี้ต่อตัวเธอเอง เธอดี

ถ: ท่านได้ทำให้ฉันมีความมั่นใจและฉลาด และฉันขอบคุณท่านมาก ๆ ท่านอาจารย์

อ: นั้นดีมาก ไม่เป็นไร แน่นอนเธอขอบคุณฉัน แต่จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกว่าเธอควรขอบคุณตัวเธอเอง และฉันจะขอบใจเธอเพราะเธอทำให้โลกแตกต่างผ่านการฝึกฝนของเธอ ถ้าฉันเพียงลำพังฉันไม่สามารถทำให้แตกต่างได้มาก แต่เพราะพวกเธอโลกเปลี่ยนไป จริง ๆ แล้วแม้ว่าจะรู้สึกเหมือนเรามีสงครามทุกที่ มันไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว เรามีสงครามน้อยลงกว่าสองสามปีที่ผ่านมาเดี๋ยวนี้ น้อยลงมากกว่า50% และมันกำลังน้อยลงและน้อยลงและน้อยลงตลอดเวลา เพราะผู้คนตื่นแล้ว พวกเขาถูกเลี้ยงดูด้วยสงคราม พวกเขาถูกเลี้ยงดูด้วยความรุนแรง ตอนนี้พวกเขาตระหนักว่าความรักเท่านั้น สันติสุขเท่านั้นมีความหมายจริง ๆ นำความสุขมาสู่ผู้คน รวมถึงพวกเขาเอง รวมถึงพวกผู้นำ!

ดังนั้น แม้ว่ามันดูเหมือนยังคงมีสงครามมาก เรามีน้อยลงในตอนนี้ ในอีกเพียงสองสามปี มันจะน้อยลงและน้อยลงและน้อยลง และ สันติสุขโลกก็เป็นไปได้จริง ๆ มันเป็นไปได้ มันจะมา (เสียงปรบมือ) ดังนั้นทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง ผู้คนเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ความสงบสุขจะมาเช่นที่เราปรารถนา สันติสุขจะมาด้วย

โลกต้องเปลี่ยน! มันจะเปลี่ยน มันจะมา ผู้คนจะต้องตระหนักถึงมันในวันหนึ่ง หลังจากที่ทุกข์ทรมานมาก ผู้คนจะตระหนักว่ามันไร้ประโยชน์ในการมีสงคราม เมื่อสันติสุขต้องมาในชาติด้วยและสรรพสิ่งจะเปิดกว้าง พรมแดนจะเปิด ประเทศและชาติจะเปิดสู่กันและกัน และผู้คนจะจับมือ ผู้นำจะสนับสนุนและเข้าใจกันและกัน และสันติสุขที่แท้จริงจะมา - และในไม่ช้านี้!(เสียงปรบมือ) ใช่ มีข่าวดีมากมาย เราแค่ต้องมีสันติสุขและเราแค่ต้องดี ในเวลานั้นทุกสิ่งอื่น ๆ จะมา เราแค่ต้องเป็นบวกเกี่ยวกับคนอื่น เกี่ยวกับชาติอื่น เกี่ยวกับรัฐบาล และเกี่ยวกับทุกสิ่ง แค่ใส่ความเป็นบวก และสรรพสิ่งจะดีขึ้น สรรพสิ่งจะเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องกังวล ถูกต้องไหม

ท่านอาจารย์และลูกศิษย์สามารถเป็นหนึ่งเดียวโดยปราศจากการผูกติด

 

ถ: ในการทำสมาธิของฉันเมื่อวานฉันมีประสบการณ์ และฉันคิดว่าเพราะมันเกี่ยวข้องกับทุกคนที่นี้ ฉันขออนุญาตท่านแบ่งปันมันกับท่าน

อ: ตกลง

ถ: ฉันเห็นในประสบการณ์ของฉันว่าท่านได้ยกระดับฉันเป็นระดับที่สูงของการมีสติ และฉันแน่ใจว่าท่านทำสิ่งนี้สำหรับทุกคนที่นี่ ดังนั้นฉันขอขอบคุณท่านสำหรับสิ่งนั้น

อ: ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ (เสียงปรบมือ)

ถ: ท่านได้สอนเราว่าไปที่ระดับที่สูงกว่าของการมีสติ เราต้องการปล่อยความอยากไว้เป็นของโลกนี้ คำถามคือ เราได้ถึงจุดที่เราจะต้องปล่อยท่านอาจารย์ของเราหรือยัง

อ: (ท่านอาจารย์หัวเราะ)ถ้าเธอต้องการ แน่นอนเธอสามารถปล่อยฉันได้ ไม่มีปัญหา ทุกเวลา!มันแค่ก่อนเธอสามารถวิ่งได้เอง เธอจะต้องจับมือฉันเพื่อจะเดินก่อนอันดับแรก และจากนั้นเธอวิ่งโดยลำพัง แต่เธอไม่ต้องปล่อยถ้าเธอไม่ต้องการ เราเป็นเพื่อน ทำไมต้องปล่อย การปล่อยของการผูกติดทางกายภาพเท่านั้น แต่ทางจิตวิญญาณเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่ “หนึ่งเดียว” เหมือนทุกสิ่งที่นี้ที่เป็นหนึ่ง ไม่ใช่หนึ่งแบบนั้น แต่เราได้รับการติดต่อจนกระทั่งฉันสามารถช่วยเธอให้ไปที่ที่ฉันจะไป และมันมาครั้งเดียวที่เธอกลายเป็นอาจารย์ของเธอเอง

แต่เมื่อเธอปล่อย ฉันไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับผู้คน ฉันไม่รู้ว่าถ้าบางคนปล่อยได้ หลังจากนี้ยิ่สิบปีพวกเขากำลังยังคงร้องไห้เมื่อพวกเขาเห็นฉัน!(ท่านอาจารย์เล่นตลก) ฉันไม่เข้าใจคนเหล่านี้ ดังนั้นบางทีเธอสามารถสอนพวกเขาว่าปล่อยอย่างไร ฉันทายว่าเราเป็นเหมือนเพื่อนสนิทมาก เรามีมิตรภาพที่ลึกซึ้งมาก ดังนั้นเราจะไม่รู้สึกผูกติดเกี่ยวกับร่างกายทางกายภาพหรือความใกล้ชิด แต่เรารู้สึกใกล้กันมาก

ถ: ขอบคุณ ท่านอาจารย์ ฉันดีใจเพราะฉันกังวลว่าท่านจะพูดว่า “ไม่ เธอไม่ควรพึ่งฉันอีกต่อไป จากนี้ตามสบาย” ฉันดีใจว่าฉันไม่ต้องปล่อยท่านไป

อ: มันต่างกัน มันไม่ใช่การผูกติด มันเป็นแค่ความเป็นหนึ่งเดียวของความรู้สึก ตัวอย่าง บางคนผูกติดมากกับสรรพสิ่งเช่นแอลกอฮอล์และเงิน พวกเขากังวลตลอดเวลาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้และพวกเขาไม่สามารถแม้แต่อยู่ได้ พวกเขาเป็นทาสของเงินหรือแอลกอฮอล์ นั่นเป็นการผูกติดที่แท้จริง และแม้ว่าสิ่งนั้นทำลายพวกเขา แต่มิตรภาพของเราทำให้เราทั้งคู่มีความสุข มันไม่ใช่เธอไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากฉัน แต่เธอชอบที่จะอยู่ “กับ” ฉันหรือเห็นฉัน

การผูกติดเป็นเมื่อ ยกตัวอย่าง ชายบางคนไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีผู้หญิง ทุกวันเขาต้องการเธอ หรือคนที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีเงิน: ทุกวันเขาต้องการมากและมากขึ้นอีก นั่นต่างกัน เราสามารถอยู่ได้โดยปราศจากกันและกัน เธอกลับไปประเทศเธอ และฉันอยู่ที่นี่หรือที่อื่น เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เธอมีความสุข เธอคิดถึงฉันและเธอรู้สึกว่าเราอยู่ด้วยกัน และเธอชอบที่เห็นฉันตอนนี้และต่อไป นั้นโอเค มันไม่ใช่การผูกติด มันเป็นแค่ความสุขและความเบิกบานด้วยกัน นั่นเป็นมิตรภาพโดยไร้เงื่อนไข ถ้าเราเห็นกันและกันเรามีความสุข แต่ถ้าเราไม่ เรากลับบ้านและเราคิดถึงกันและกัน มันไม่ใช่การผูกมัดดังนั้นมันไม่ใช่การผูกติดด้วย และเรื่องก็คือยิ่งเราคิดถึงกันมากเรายิ่งมีความสุข และยกระดับขึ้นอีกดังนั้นมันเป็นสิ่งดี

 

พวกเราเป็นอิสลาม
ในจิดใจที่แท้จริง

 

(พูดเกี่ยวกับเครื่องแต่งตัวชาวอิสลาม) มันเป็นชุดสะดวกที่สุด และฉันคิดว่าคนอิสลามฉลาดมาก เสื้อผ้าของพวกเขาสะดวกทุก ๆ ที่ บางครั้งมันหนาวและฉันวางผ้าพันคอชนิดยาวบนหัวของฉันและฉันใส่มัน ครั้งหนึ่งหญิงอิสลามคนหนึ่งมาหาฉันและถามว่า “คุณเป็นอิสลามหรือเปล่า” ฉันพูดว่า “ใช่ ฉันเป็น! ฉันเป็น ในวิญญาณที่แท้จริง ใช่”