คำถามคำตอบที่เลือกสรรแล้ว

 

 

 

 


 

ความยากลำบาก
เป็นค่าของการมีชีวิตอยู่

ปราศรัยโดยอนุตราจารย์ชิงไห่ ฌาน 3 วันนานาชาติในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 16-18 ธันวาคม 2541 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วีดิทัศน์ #641

 

ถ: ลูกพี่ลูกน้องผู้พี่ของฉันฆ่าตัวตาย เขาเป็นแบบอย่างของฉันเสมอ ฉันอยากจะเป็นเหมือนกับเขา มันจึงยากนิดหน่อย แต่แล้วฉันก็มีประสบการณ์ เขาได้มาปรากฏให้ฉันเห็นภายใน และบอกฉันว่าเขาสบายดี แล้วฉันก็เกือบจะทำความผิดแบบเดียวกันนั้น ฉันต้องการฆ่าตัวตายเหมือนกัน เพราะฉันไม่สามารถต่อสู้กับโลกได้ เมื่อปีที่แล้ว พระเจ้าก็ได้มาปรากฏให้ฉันเห็นและพูดว่า การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่โง่ที่สุดที่ฉันสามารถทำได้

อ: ใช่ นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันได้เคยพูดอยู่เสมอมาด้วยเช่นกัน

ถ: ใช่ แต่ในตอนนั้นฉันยังไม่รู้จักท่าน

อ: เป็นการดีที่พระเจ้าพูดกับเธอแบบนั้น

ถ:พระองค์ยังได้บอกฉันว่า ฉันยังมีงานสำคัญที่จะต้องทำ และฉันพูดว่า “ถ้าหากฉันยังมีงานที่สำคัญที่จะต้องทำ ดังนั้น ฉันก็ต้องการให้มีใครบางคนมาแสดงให้ฉันเห็นถึงงานอันนั้น” แล้ว 2สัปดาห์ต่อมา ฉันก็ได้รับแผ่นพับของท่าน แล้วฉันก็มีความรู้สึกเกือบจะแบบเดียวกันกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่พระเจ้าได้มาพูดกับฉัน

อ: นั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก

ถ: แต่อันที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้เชื่อในพระเจ้าหรอก นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้มันพิเศษมาก แล้วตอนนี้ฉันก็อยากจะถามท่าน เพราะว่าฉันก็ป่วยด้วย ฉันเป็นโรคลมบ้าหมู เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับทั้งครอบครัวของฉันและความเคลียดในครอบครัวหรือเปล่า?

อ: ใช่ มันเป็นกรรมร่วมและเป็นกรรมพันธุ์ด้วย

ถ: เรื่องนี้ทำให้ฉันหดหู่ เหตุนี้ฉันจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

อ: เธอเป็นคนที่เยี่ยมยอดมาก เธอไม่จำเป็นต้องคิดมากแบบนั้นหรอก ถ้าหากพระเจ้าบอกว่า เธอโอเค เธอก็โอเค เธอเชื่อพระเจ้า หรือว่าเธอเชื่อตัวเธอเอง? สมองชอบที่จะพูดสิ่งที่เป็นลบอยู่เสมอ

ถ: โอเค ตอนนี้ฉันได้รู้จักพระองค์ แต่ว่าฉันควรจะยอมรับการเป็นโรคลมบ้าหมูหรือ? เพราะว่าครั้งหนึ่งในระหว่างการนั่งสมาธิ ฉันก็เกิดเป็นลมบ้าหมูขึ้นมา มันแย่จริง ๆ และฉันก็ไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่เลยเป็นเวลา 2-3 วัน

อ: ฉันเข้าใจ แต่เราจะต้องเข้มแข็งเอาไว้

ถ: ตกลง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดา และมันเป็นแบบที่มันเป็น ถูกต้องไหม?

อ: ใช่ มันเป็นเรื่องปกติ และนั่นก็เป็นแบบที่มันเป็น ชีวิตเป็นเรื่องที่ยากสำหรับทุกคนเสมอ เธอมีโรคลมบ้าหมู คนอื่นก็มีโรคหอบหืด เราต่างก็มีสิ่งที่แตกต่างกันไป นั่นเป็นราคาของการมีชีวิตอยู่ ตกลงไหม? เธอจะต้องไม่โศกเศร้า แต่จะต้องคิดทางด้านบวกเสมอ

ถ: ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำแบบเดียวกันกับที่ลูกพี่ลูกน้องฉันได้ทำไป

อ: ไม่ เธอจะไม่ทำตามเขา เขาได้ทำความผิดมหันต์ ไม่ใช่เป็นเพียงความผิดเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่โง่ที่จะทำ! นี่เป็นสิ่งที่โง่ที่สุดที่คน ๆ หนึ่งสามารถทำได้ เธอจะทำตามตัวอย่างของเขาไม่ได้นะ เราจะต้องทำตามเป้าหมายที่สูงสุดกว่าเสมอ อุดมการณ์ที่สูงส่ง ซึ่งงดงาม ดี และเป็นบวก เราจะต้องไม่ทำตามสิ่งที่โง่ และไม่ดี และเป็นความคิดที่ต่ำเช่นนั้น

ถ:เป็นเพราะท่านฉันจึงเลิกสูบบุหรี่และเลิกดื่ม

อ: เห็นไหม เธอก้าวหน้าไปมากเลย!

ถ: และฉันได้เป็นมังสวิรัติ และทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นภายใน 3 สัปดาห์

อ: เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้นหรือ? ดีมาก เยี่ยมยอด เธอจะต้องเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น ๆ เพื่อว่าพวกเขาจะได้เลิกสูบบุหรี่ด้วย และอื่น ๆ เธอจะต้องเป็นแบบนี้เสมอ เป็นตัวอย่าง ตกลงไหม? นั่นเป็นงานของเธอ

ถ: จนกระทั่งขณะนี้มันยากทีเดียว เพราะว่าทุกอย่างรอบตัวฉันนั้นเป็นในทิศตรงกันข้าม

อ: เธอไม่ควรคิดแบบนี้ ตกลงไหม? ขอให้คิดในแง่บวก บางครั้งเรามาที่นี่พร้อมกับทางเลือกที่พิเศษมาก ๆ แต่พอเรามาถึงที่นี่แล้ว เราก็ลืมไป ดังนั้นทางเลือกที่พิเศษที่เราได้ทำในสวรรค์ก็กลายเป็นเหมือนกับอุปสรรค เป็นภาระในขณะที่เรามีชีวิตที่นี่ แต่อันที่จริงแล้ว พระพรมาในลักษณะหลายรูปแบบ และในรูปโฉมต่าง ๆ มากมาย ในภาษาอังกฤษเขาพูดเช่นนี้ว่า “ต้นไม้ที่แข็งแกร่งที่สุด เติบโตในดินที่แย่ที่สุด” ดังนั้น เราจะต้องไม่เอาใจจดจ่อกับทางเลือกที่เราได้ทำ หรือสิ่งที่เรียกว่าความเสียเปรียบที่เราคิดว่าเรามี เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างก็เป็นภาพลวงตานั่นเอง และขอให้เอาใจจดจ่อกับสิ่งที่เราอยากจะให้ชีวิตเราเป็น และกับสิ่งที่เรามี แทนที่จะจดจ่อกับสิ่งที่เราไม่มี มีสิ่งต่าง ๆ มากมายไม่รู้จบที่เราไม่มี แต่มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เรามี ที่เรารู้ และมีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เรามี และเราก็ไม่รู้ด้วยเช่นกัน

ดังนั้น เราจึงมีสิ่งที่จะใช้มากมาย ตอนที่ฉันเป็นเด็ก เพราะว่าฉันตัวเล็กมาก คนจึงชอบล้อฉัน และฉันก็รู้สึกแย่มาก แต่หลังจากนั้นสักพัก ฉันก็ได้พบคนอื่น ๆ ที่รักฉัน เพราะว่าฉันตัวเล็ก และฉันก็ได้ตระหนักว่า คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้ความ ดังนั้นความจริงแล้ว ทุกอย่างในชีวิตนี้ก็มีจุดมุ่งหมายของมัน บางครั้งก่อนที่เราจะลงมายังโลกนี้ เราก็ได้เลือกทางที่ยากลำบากกว่าที่จะบำเพ็ญ เราพูดว่า “ตกลง ฉันอยากจะเป็นคนที่เตี้ยกว่า หรือเป็นคนที่อ้วนกว่า หรือเป็นคนที่สูงมากเป็นพิเศษ หรือฉันอยากจะเป็นคนพิการ เพื่อที่จะก้าวหน้าเร็วขึ้นในการค้นพบพระเจ้า หรือช่วยเหลือผู้อื่นในการค้นหาพระเจ้า ซึ่งอยู่ในตำแหน่งแบบเดียวกับฉัน”

แต่พอเรามาที่นี่แล้ว เรามีสมองของมนุษย์นี้ แล้วเราก็เริ่มเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น แล้วเราก็เริ่มรู้สึกมีปมด้อย แล้วเราก็เริ่มรู้สึกว่า ทางเลือกของเรานั้นเสียเปรียบเกินไปในตอนนี้ แต่มันเป็นเพียงแค่จิตเท่านั้นที่คิดแบบนั้น เราเป็นพระเจ้า แล้วเมื่อเรากลับไปยังสวรรค์ หรือเมื่อเรารู้แจ้งจริง ๆ ก็ไม่สำคัญเลยว่า เราจะมีหน้าตาอย่างไร เราไม่รู้สึกว่ามันรบกวนอีกต่อไป ดังนั้น หลักใหญ่ก็คือให้รู้แจ้ง รู้แจ้งแบบลึก เพื่อว่าเราจะได้สามารถค้นพบสวรรค์ได้ในขณะนี้ เพื่อว่าเราจะรู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นเราจริง ๆ ไม่แม้กระทั่งความงามภายนอก หรือความเสียเปรียบภายนอกที่เป็นตัวเรา พวกนั้นไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นแค่เพียงเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือการรู้แจ้ง ไม่ใช่เป็นอะไรอื่นเลย แล้วสิ่งอื่น ๆ ทุกสิ่งก็จะตามมาเอง

ฉันจำไม่ได้ว่า ฉันได้เคยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังหรือเปล่า มีคนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งซึ่งเป็นคนหลังค่อม วันหนึ่งเขาได้พบภรรยาในอนาคตของเขาที่ขั้นบันได หล่อนเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แต่เขาพิการ เขาหลงรักหล่อน และต้องการหล่อนเป็นภรรยาของเขา แต่แน่นอน หล่อนก็ดูถูกเขา เขาจึงพูดว่า “คุณเชื่อหรือไม่ว่า การแต่งงานนั้นได้ทำในสวรรค์” แล้วหล่อนก็พูดว่า “เชื่อ แต่ทำไมเป็นเช่นนั้นละ?”

เขาจึงพูดกับหล่อนว่า “เพราะว่าเราจะต้องแต่งงานกัน การแต่งงานของเราได้ถูกทำไปแล้วในสวรรค์” หล่อนจึงพูดว่า “คุณพูดแบบนั้นออกมาได้อย่างไร?” แล้วเขาก็ตอบว่า “เธอจำไม่ได้หรอกหรือ? ก่อนที่เราจะมาที่นี่ พระเจ้าก็ได้พูดกับเราว่า คนหนึ่งในพวกเราจะต้องมีหลังค่อม และมันควรที่จะเป็นเธอ แต่ฉันก็รับมันแทน ฉันพูดกับพระเจ้าว่า “โอ พระเจ้า เป็นการแย่สำหรับผู้หญิงที่จะหลังค่อม ให้ฉันหลังค่อมเถอะ” และด้วยเหตุนี้ฉันจึงเป็นแบบนี้ และเธอก็ยังคงสวยต่อไป”

เรื่องนี้ทำให้หล่อนรู้สึกซาบซึ้งใจ และทำให้หล่อนจำได้ว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง เขาคงจะเป็นนักบุญด้วยเหมือนกัน แล้วทั้งสองก็แต่งงานและมีความสุขตลอดไป เพราะฉะนั้น บางทีเธออาจจะกำลังเสียสละสำหรับใครบางคน และเธอก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ บางทีสักวันหนึ่ง เธออาจจะได้พบหล่อนหรือเขา และย้ำเตือนพวกเขาถึงเรื่องหนี้สิน