แนะนำหนังสือ

 

‘การรับรู้ปฐมภูมิ’ สาธิตให้เห็นความเกี่ยวข้องระหว่างกันของทุกชีวิต

 

 

 

โดยพี่ประทับหญิง เวลม่า อี.คิง อินเดียนาโปลิส
อินเดียนา สหรัฐอเมริกา (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

“นักวิทยาศาสตร์ควรเป็นนักสังเกตผู้หลักแหลมด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่รู้จักพอ และความอยากที่จะอธิบายปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างธรรมดาๆ ผมเชื่อว่างานวิจัยของผมสะท้องหลักการนี้”~คลีฟ แบ็กสเตอร์ (Cleve Backster)

การรับรู้ปฐมภูมิ : การสื่อสารชีวภาพกับต้นพืช อาหารที่มีชีวิตและมนุษย์ โดย คลีฟ แบ็กสเตอร์ สรุปประสบการณ์ การค้นคว้าและการค้นพบของผู้ประพันธ์ ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงมากว่า 54ปี สำหรับความเชี่ยวชาญของเขาในการใช้โพลีกราฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งบันทึกกิจกรรมทางร่างกายที่ไม่อยู่ใต้อำนาจจิตใจ เช่น อัตราการเต้นของชีพจรและการมีเหงื่อออก และมักถูกใช้เป็น “เครื่องจับเท็จ”

นายแบ็กสเตอร์ได้ขยายเทคนิคโพลีกราฟแบบธรรมดาออกไป ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาของโรงเรียนจับเท็จแบ็กสเตอร์ และเทคนิคเปรียบเทียบโซนแบ็กสเตอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนในจิตสำนึกหรือจิตใจของบุคคลที่ถูกทดสอบโดยโพลีกราฟ เขายังได้พัฒนาระบบแรกที่จะประเมินผลแผนภูมิโพลีกราฟเป็นตัวเลขอีกด้วย ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานในสาขาวิทยาศาสตร์โพลีกราฟ ในระยะต้นๆของอาชีพ นายแบ็กสเตอร์ได้เกี่ยวข้องกับการสะกดจิตอย่างเอาจริงเอาจัง แม้กระทั่งการชี้นำหลังการสะกดจิต ซึ่งจะมีการใส่ความคิดเข้าไปในผู้ถูกสะกดจิตในขณะที่อยู่ในสภาพถูกสะกดจิต ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้เมื่อไม่ถูกสะกดจิต ความจริง เขาเก่งมากทีเดียวในการสะกดจิตจนความสามารถพิเศษนี้ได้ถูกนำไปใช้ในหน่วยสืบราชการลับของกองทัพสหรัฐ(US Army Intelligence Corps) และหน่วยสืบสวนกลาง(Central Intelligence Agency)

อย่างไรก็ตามในปี 2509 (คศ.1966) นายแบ็คสเตอร์ก็ได้หันเหความสนใจในงานของเขาเมื่อเขาสะดุดความคิดในเรื่องการรับรู้ของต้นพืช ซึ่งก็คือความสามารถของต้นพืชที่จะตอบสนองต่อสิ่งเร้าและการมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆอยู่ด้วย เพื่อเป็นการทดสอบความคิดนี้ ก่อนอื่นเขาได้ตัดสินใจที่จะวัดอัตราที่น้ำขึ้นไปสู่ต้นพืชจากรากไปสู่ใบโดยการวางใบของต้นดราซีนา(dracaena) ไว้ระหว่างขั้วไฟฟ้าสองขั้ว และพันใบสองใบที่ประกบกันด้วยหนังสติ๊กในขณะที่เชื่อมต่อตัวเซนเซอร์เข้ากับอุปกรณ์โพลีกราฟ ผลลัพธ์เป็นปฏิกิริยาที่คล้ายคลึงกับปฏิกิริยาของมนุษย์ที่ถูกทดลองเมื่อมีประสบการณ์ของความกลัวที่จะถูกตรวจจับ การค้นพบนี้น่าทึ่งมากจนเขาได้เริ่มต้นที่จะทดสอบต้นพืชจำนวนมากขึ้นภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด เพื่อดูว่าเขาจะได้รับปฏิกิริยาที่เหมือนมนุษย์เพิ่มเติมหรือไม่

ในการทดลองถัดมาของแบ็กสเตอร์ เขาถือไม้ขีดไฟและทำท่าคล้ายกับว่าเขากำลังข่มขู่ความผาสุกของต้นพืช ผลการอ่านโพลีกราฟที่ได้คล้ายคลึงกับของมนุษย์เมื่อพวกเขาเหนื่อยหรือเบื่อ ต่อมาเขาตัดสินใจที่จะศึกษาปฏิกิริยาของต้นพืชในขณะที่เขากำลังจินตนาการภาพในใจด้วยความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะเผาใบไม้ใบหนึ่งของมัน ไม่มีการพูดใดๆ ไม่มีการจุดไฟใดๆและต้นพืชก็ไม่ถูกสัมผัส แต่คล้ายกับว่าต้นพืช “สามารถอ่านใจของเขา” ได้ เครื่องโพลีกราฟบันทึกปฏิกิริยาฉับพลันโดยพุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของแผนภูมิ! สำหรับต้นพืชแล้ว ความตั้งใจของนักวิจัยนี้แจ่มชัดและเป็นจริง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าต้นพืชได้แยกแยะความคิด “ถ้าหาก” (ไม่เกิดปฏิกิริยา)ออกจากความตั้งใจอย่างชัดเจนของเขา (มีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงต่อการข่มขู่ความผาสุกของมัน) ยิ่งไปกว่านั้นต้นพืชอื่นๆที่ยังมีตัวเซนเซอร์ผูกติดกับมันก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน

สำหรับบทความที่ตีพิมพ์ชิ้นแรกของเขา เขาได้ทำการทดลองเพื่อดูว่าต้นพืชที่ถูกทดลองอยู่ในสถานที่ต่างกัน 3 แห่ง(ห้องติดๆกัน)พร้อมๆกันจะมีปฏิกิริยาต่อความตายของชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง(กุ้งแช่น้ำเกลือ)หรือไม่ ต้นพืชที่ถูกทดลองมีขั้วไฟฟ้าหนีบติดอยู่กับใบของมัน และมีโพลีกราฟซึ่งจะอ่านผลจากขั้วไฟฟ้าทั้ง 3 ที่หนีบติดอยู่กับต้นพืช เครื่องโพลีกราฟอยู่ในห้องอีกห้องต่างหาก เเละเครื่องที่ตั้งเวลาฆ่ากุ้งก็อยู่ในห้องที่ 3. เพื่อควบคุมการทดลองไม่ให้ต้นพืชปรับตัวมันเข้ากับผู้วิจัย เขาจึงออกจากตึกทดลองไป แล้วแบ็กสเตอร์ก็ได้ค้นพบว่าต้นพืชที่มีขั้วไฟฟ้าติดอยู่นั้นมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับการฆ่ากุ้งแช่น้ำเกลือ

นอกจากนั้น วันหนึ่งแบ็กสเตอร์ได้สังเกตเห็นร่องรอยจากไข่ไก่ที่ไม่มีเชื้อผสม ซึ่งมีขั้วไฟฟ้าและเครื่องตอบสนองของผิวหนังผูกติดอยู่ ซึ่งคล้ายคลึงกับจังหวะเต้นของชีพจรมนุษย์บนแผนภูมิโพลีกราฟ เพียงแต่ว่ามันเร็วกว่ามาก อย่างไรก็ตาม ความเร็วที่สังเกตได้ประมาณ 157 ครั้งต่อนาทีซึ่งเป็นอัตราเต้นของหัวใจจากการทดลองครั้งก่อนๆสำหรับตัวอ่อนของไก่อายุราว 3 วันในช่วงกกไข่ และการศึกษานี้ได้แสดงให้เห็นถึงหลักฐานที่หนักแน่นในเรื่องของการสื่อสารชีวภาพของไข่กับสิ่งแวดล้อมภายนอก

ในอีกการทดลองหนึ่ง แบ็กสเตอร์ติดขั้วไฟฟ้าที่ไข่เพื่อบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และติดตั้งไข่อีก 10 ใบให้ถูกผลักลงไปในน้ำเดือด เมื่อกลับมายังห้องปฏิบัติการ นักวิจัยก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบแผนภูมิแสดงปฏิกิริยาเดียวเท่านั้นจากไข่ที่มีขั้วไฟฟ้าติดอยู่เมื่อไข่ใบแรกใน 10 ใบตกลงไป อาจเป็นไปได้ว่าไข่ใบแรกตกลงไปในน้ำเดือดหรือไม่ก็ไข่ที่มีขั้วไฟฟ้าติดอยู่ได้ “แจ้ง” อันตรายที่กำลังใกล้จะมาสู่ไข่อีก 9 ใบ ทำให้ทั้ง 9 ใบนี้เข้าสู่สภาพป้องกันตัวเทียบเท่ากับการเป็นลม เขาได้ทำการทดลองเพิ่มเติมซึ่งเขาก็ได้พบกับการตอบสนองแบบ “เป็นลม” นี้อีก เขาจึงหยุดการทดลอง อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่าดูเหมือนไข่จะมีการสื่อสารซึ่งกันและกันด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

การค้นพบนี้สนับสนุนคำสอนของท่านอาจารย์ในเรื่องไข่ : “เมื่อเรากินไข่ เราก็ฆ่าสิ่งมีชีวิตด้วย บางคนบอกว่าไข่ที่พบในท้องตลาดไม่มีเชื้อผสม การกินมันจึงไม่เป็นการฆ่าสิ่งมีชีวิต สิ่งนี้ดูคล้ายถูกต้อง ไข่ยังไม่ปฏิสนธิเพียงเพราะสภาพที่เหมาะสมสำหรับการปฏิสนธิได้ถูกยับยั้งไว้ ดังนั้นไข่จึงไม่สามารถพัฒนาเป็นไก่ได้ แม้ว่าการพัฒนานี้จะไม่ได้เกิดขึ้น แต่มันก็ยังคงมีพลังชีวิตอยู่ในตัวที่จำเป็นสำหรับการเกิด เราทราบว่าไข่มีพลังชีวิตอยู่ในตัว มิฉะนั้นแล้วทำไมไข่จึงเป็นเซลชนิดเดียวเท่านั้นที่สามารถปฏิสนธิได้” (จากบทความ ‘ทำไมคนจึงต้องเป็นมังสวิรัติ’ จากหนังสือตัวอย่าง กุญแจสู่การรู้แจ้งในทันที )

คลีฟ แบ็กสเตอร์ได้ทำงานทดลองเรื่องการสื่อสารชีวภาพเป็นเวลา 40 ปีซึ่งเขาได้ทำการทดลองเช่นว่านั้นต่อไป การทดลองหลายอันของเขาได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในหนังสือของเขา งานนี้สนับสนุนทรรศนะที่ว่าการรับรู้(ขบวนการในการใช้ประสาทสัมผัสเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์ปัจจุบัน) และการปรับตัวเข้าหา(รับหรือตอบสนองต่อสิ่งอื่นๆ) เป็นคุณสมบัติของรูปแบบชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ ผลการวิจัยของนายแบ็กสเตอร์ได้ออกสู่สาธารณชน จากการให้สัมภาษณ์ของเขากับพิธีกรที่มีชื่อเสียงของรายการทอล์คโชว์ทางโทรทัศน์ อาทิเช่น จอห์นนี่ คาร์สัน(Johnny Carson), อาร์ต ลิงค์เล็ตเทอร์(Art Linkletter), เมิร์ฟ กริฟฟิน(Merv Griffin), และเดวิด ฟรอสต์(David Frost) และด้วย “แบ็กสเตอร์เอ็ฟเฟ็ค” ของเขาที่ดึงดูดความสนใจทั่วโลก ทำให้วิธีการดั้งเดิมของเขาถูกนำไปดัดแปลงโดยนักวิทยาศาสตร์อื่นๆที่ศึกษาการรับรู้ปฐมภูมิในเซลของต้นพืช แบคทีเรียและเซลของมนุษย์ ซึ่งพวกเขาได้สังเกตเห็นว่า เซลและดีเอ็นเอของมนุษย์ตอบสนองต่อความคิดและคำพูด

กล่าวโดยสรุป การรับรู้ปฐมภูมิ : การสื่อสารชีวภาพกับต้นพืช อาหารที่มีชีวิตและมนุษย์ เป็นหนังสือที่น่าหลงใหล ซึ่งได้พูดถึงการวิจัยนับแรมปีทางวิทยาศาสตร์ ที่สนับสนุนในสิ่งที่ผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณและนักศึกษาเมตาฟิสิกส์ได้ทราบมานานแล้วว่า มนุษย์ ต้นพืชและสิ่งมีชีวิตอื่นๆต่างก็มีความเกี่ยวข้องระหว่างกันและรับรู้ได้ ดังนั้นเราจึงควรใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักอันไม่มีเงื่อนไข ซึ่งนั่นก็จะช่วยสร้างโลกที่สดใสงดงามกว่าให้แก่ลูกหลานของเรา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสอนของท่านอาจารย์และหัวข้อที่เกี่ยวข้อง โปรดดู ธรรมสาร ฉบับที่ 120 http://www.godsdirectcontact.org.tw/eng/news/120/ (‘หัวข้อร้อน-เติบโตและทำอาหารด้วยความรัก:ทางเลือกที่ดีกว่าต่ออาหารดัดแปลงพันธุกรรม’ และ ‘ คุณอาจไม่ทราบ-ความลับของแรงสั่นสะเทือน’)