คำถามคำตอบที่เลือกสรรแล้ว

 

 

แก่นแท้ของงานคือทำให้ตัวเองสมปรารถนา
ไม่ใช่การได้รับตำแหน่ง

ปราศรัยโดยอนุตราจารย์ชิงไห่
ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 30 ตุลาคม 2542
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)
วีดีโอเทป #665เอ

ถ: เราจะหนีจากแรงกดดันในอาชีพของเราได้อย่างไร?

อ: ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่มีความเจ็บปวด อาชีพใด ๆ ก็มีแรงกดดันทั้งนั้น ลองถามใครดูก็ได้ว่า เขาไม่มีแรงกดดันหรือเปล่า แม้กระทั้งถ้าพวกเขาทำงานบ้าน พวกเขาก็มีแรงกดดัน ถ้าเธอเลี้ยงลูกของเธอเอง เธอก็มีแรงกดดัน ตกลง เธอทำงานอะไรล่ะ?

ถ: ฉันสอนวรรณคดีจีน

อ: นักศึกษาสร้างแรงกดดันให้เธอหรือเปล่า?

ถ: นักศึกษาบ่น และมีการแข่งขันกันระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกัน ดังนั้นเราจึงมีปัญหาการแข่งขันกันในสาขาอาชีพ ที่มีการแข่งขันรุนแรงมากเพื่อให้ได้ตำแหน่ง

อ: ทำไม?

ถ: เพราะว่า สมาชิกใหม่ทุกคนของคณะจะต้องผ่านช่วงเวลา 5-6 ปีของการประเมินผลก่อนที่งานของเขาจะมั่นคง ดังนั้นจึงมีการประเมินการสอน การได้รับทุน และการเขียนหนังสือ และมันเป็นสาขาที่มีการแข่งขันสูง หลายครั้งที่เราไม่มีเวลา และฉันทราบว่า ทุกคนมีปัญหาเรื่องการไม่มีเวลานี้ แต่ในกรณีของเรา มันไม่มีเวลาที่จะทำอะไรที่ผ่อนสบายกว่า

อ: รีบเร่งตลอดเวลา

ถ: ถูกต้อง แล้วฉันก็หมดความอดทน ฉันเคยเป็นคนที่อดทนมาก แต่ฉันไม่คิดว่า ฉันมีความอดทนอีกต่อไป

อ: ตกลงก็มีแรงกดดันมาก เธอต้องทำงานแม่บ้านที่บ้านด้วยหรือเปล่า?

ถ: ไม่ต้อง

อ: แค่ทำงานอาชีพหรือ?

ถ: ใช่ เมื่อฉันกลับบ้าน ฉันเขียนหนังสือ พยายามทำวิจัยเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ เพื่อฉันจะได้นำไปขอตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ ฉันจะเสียงานของฉันไป ถ้าฉันไม่ได้ตำแหน่ง

อ: เธอชอบงานนี้หรือเปล่า?

ถ: มันก็สนุกในระดับหนึ่ง

อ: เธออยากทำอะไรอย่างอื่นไหม? ไม่ต้องไปสนใจหลักการใด ๆ ที่บอกว่า เธอควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร เธออยากทำอะไรอย่างอื่นไหม?

ถ: ไม่ นั่นคือสิ่งที่ฉันชอบทำ

อ: งั้นก็ให้ทำสิ่งนั้นต่อไป และแบกรับผลของมันไป อะไรทำให้เธอต้องรีบเร่งแบบนั้นเสมอ? ทำไมเธอจึงไม่มีเวลาล่ะ?

ถ: มีอะไรมากมายที่เราต้องทำให้เสร็จ ยกตัวอย่าง พอเราเตรียมการสอนเสร็จ เราก็ต้องดูแลเด็กนักเรียน และเราก็มีข้อผูกมัดในการเขียนหนังสือ

อ: แล้วเธอก็ต้องอ่านการบ้านมากขึ้น

ถ: แต่ท่านอาจารย์ค่ะ ตัวท่านก็มีงานยุ่งมาก

อ: ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่มีงานยุ่งนักหรอก ดูสิ ฉันเพียงแค่นั่งพูดอยู่ที่นี่ มันดูเหมือนว่า ฉันกำลังทำอะไรยุ่งอยู่หรือเปล่าล่ะ? (เสียงหัวเราะ)

ถ: ตอนที่ท่านงานยุ่ง ท่านอารมณ์เสียไหม?

อ: อารมณ์เสียสิ ฉันอารมณ์เสียตลอดเวลาเลย แม้กระทั่งตอนที่ฉันไม่มีงานยุ่ง (เสียงหัวเราะ) ไม่ใช่หรอก แน่นอน ตอนที่เธอมีงานยุ่งเธอก็มีความกดดันมากกว่า แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ ขอให้ยกโทษให้ตัวเธอ ขอให้ใจเย็นถ้าเธอทำได้ แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ก็ขอให้เป็นตัวของตัวเอง ให้ถืออะไรไว้ในมือของเธอ สวมอะไรบางอย่างในตอนที่เธอโมโหหรืออารมณ์เสีย

ถ: บีบมันหรือ?

อ: ใช่ ถือมันไว้เพียงเพื่อย้ำเตือนตัวเอง ขยำรูปภาพของฉันหรืออะไรก็ตามแต่ เธออาจจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้เหมือนกัน ยกตัวอย่าง การสอนวรรณคดีจีนของเธอขอให้เลือกเรื่องที่ดีที่สุด อย่าไปอ่านขยะอื่น ๆ ไม่งั้นเธอจะอ่านมากเกินไป ซึ่งจะกินเวลาทั้งหมดของเธอ ตอนนี้เธอควรรู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นขอให้เลือกสิ่งที่เป็นทางด้านจิตวิญญาณมากกว่าและให้ประโยชน์มากกว่าแก่นักศึกษา

ให้เลือกสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดและใช้มัน นั่นจะเป็นการดีสำหรับพวกเขาด้วย พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ขยะเกี่ยวกับวรรณคดีจีนมากเกินไป ไม่ว่าวรรณคดีใด ๆ ก็มีขยะทั้งนั้น ดังนั้น ขอให้เลือกเรื่องที่เธออ่านสนุกที่สุด และจำกัดมันให้อยู่ในบางเรื่องเท่านั้น อย่าไปอ่านมันไปหมดทุกเรื่อง มันยาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็จะรู้ว่า เรื่องไหนที่เธอควรเลือกและอ่าน ขอให้ค้นหาด้วยตัวเธอเอง เพื่อเธอจะได้ให้แก่นักศึกษา

เลือกมันให้ดี ๆ ถ้าเธอไม่รู้หรือถ้ามีใครมาแนะนำอะไรบางอย่างก็ขอให้ค้นคว้าจากที่ใดที่หนึ่ง อย่างเช่น จากอินเตอร์เน็ต ดูว่าเรื่องไหนที่ดีที่สุด ใหม่ที่สุด มีประโยชน์ที่สุดสำหรับนักศึกษา และเธอก็ชอบมันด้วย ด้วยวิธีนี้เธอก็จะไม่ต้องใช้เวลามากในการค้นคว้าสิ่งที่ไม่มีประโยชน์จริง ๆ มันจะช่วยเธอประหยัดเวลาได้

และถ้าเธอต้องอ่านการบ้านของนักศึกษาเขาก็ให้อ่านอย่างรวดเร็ว เธอจะต้องเรียนรู้วิธีการอ่านอย่างรวดเร็ว นั่นก็ช่วยเธอได้ด้วยเช่นกัน ถ้าเธอสามารถอ่านหนังสือ 1 เล่มได้ภายในไม่กี่นาที ดังนั้นให้ใช้เวลาในการเรียนรู้อย่างนี้ ซึ่งจะช่วยเธอได้มาก เมื่อเธอต้องอ่านหนังสือและตรวจการบ้านของนักศึกษา สิ่งนี้จะช่วยเธอให้ประหยัดเวลาได้มากด้วย มีอะไรอีกล่ะที่กินเวลาของเธอ?

ถ: การแข่งขันและความรู้สึกมั่นคง

อ: ไม่มีการแข่งขันกับใครเลย ขอเพียงทำในสิ่งที่เธอทำ และถ้าเธอแพ้เธอก็แพ้ ตกลงไหม? ขอให้เป็นผู้แพ้ที่ดี นี่แหละคือสิ่งที่สร้างปัญหาให้เธอ ก็คือว่าเธอต้องการตำแหน่งนี้มากเกินไป อย่าไปต้องการมัน เพียงแค่ทำมันเพื่อความสนุก ทำมันเพื่อช่วยให้นักศึกษาได้ความรู้ ทำมันเพื่อให้เธอได้สมปรารถนาในชีวิตของเธอ ถ้าเธอเสียงานไป เธอก็เสียมันไป ขอให้ลืมงานซะ เธอไม่ได้ทำมันเพื่องาน เธอทำมันเพื่อให้วันเวลาของเธอผ่านไปวัน ๆ อย่างสมบูรณ์ในแบบที่เธอต้องการให้เป็น

ขอเพียงทำให้ดีที่สุด แต่ขอให้ลืมงานไปซะ ตอนที่ฉันวาดรูป ฉันไม่เคยคิดเรื่องที่จะขายมันเลย ฉันทำอะไรก็ตามที่ฉันรู้สึกอยากทำ เพราะมันเป็นการทำเพื่อฉัน และนั่นคือวิธีการที่มันได้ผล เธอทำมันเพื่อตัวเธอทำในสิ่งที่เธอต้องการ ถ้าเธอได้งานก็ดี ถ้าเธอไม่ได้งาน ก็มีงานอื่นให้ทำ เพราะฉะนั้นอย่าไปต้องการมันมากเกินไปนัก

ถ: แต่ถ้าทำได้ไม่ดีล่ะ?

อ: ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น! ขอให้ทำอย่างดีที่สุดแต่ขอให้ลืมงานไปซะ อย่าทำมันเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ทำมันเพื่อความรู้ของนักศึกษาและเพื่อความสมปรารถนาของเธอ ขอให้สนุก ขอให้สนุกกับงานของเธอ ลืมเรื่องตำแหน่งซะ ถ้าเธอทำมันเพียงเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ฉันก็เสียใจ และเธอมีค่าน้อย เพราะฉะนั้นอย่าทำมันเพื่อว่าจะได้อะไร จงทำมันเพื่อช่วยให้นักศึกษาได้ความรู้ที่ดีที่สุดที่เธอสามารถให้ได้ ให้ความรู้ที่ดีที่สุดที่เธอรู้แก่พวกเขา ในขณะเดียวกันเธอก็กำลังทำตัวเองให้สมปรารถนาเพราะเธอกำลังทำอย่างดีที่สุด เธอไม่ได้ทำมันเพื่อการแข่งขันเข้าใจไหม? นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำงานใด ๆ อย่าไปห่วงเรื่องตำแหน่ง (เสียงปรบมือ)

แม้กระทั่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เธอรู้ไหมว่าได้มีการใช้เวลามากแค่ไหนในการหาเสียง และมีเงินกี่ล้านดอลล่าร์ที่เสียไปในทุก ๆ ปี เพียงแค่ให้ได้อยู่ในตำแหน่ง 4 ปีเท่านั้น? และบางครั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งก็สูญเงินทั้งหมดของพวกเขาไปและไม่ได้อะไรเลย ดังนั้น ความพยายามของเธอจึงไม่ได้มากมายอะไรเลย มันไม่มีอะไรเลย เธอได้เงินมาในขณะที่พวกเขาอาจสูญเสียมัน พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าพวกเขาจะได้เป็นประธานาธิบดีหรือเปล่า ถ้าไม่ได้เป็น พวกเขาก็สูญเงินทั้งหมด พระเจ้าช่วย! ฉันรู้สึกเสียใจสำหรับเงินทั้งหมดที่พวกเขาใช้ไป (เสียงหัวเราะ)

ดังนั้น เธอกำลังทำงานที่ดีนี้เพื่อประโยชน์ของคนที่หนุ่มสาวกว่า เธอกำลังทำอย่างดีที่สุด ให้สิ่งที่เธอคิดว่าดีที่สุดแก่พวกเขา สิ่งนั้นจะทำให้เธอรู้สึกดีที่สุดเกี่ยวกับตัวเธอ และถ้าโลกให้ตำแหน่งนี้แก่เธอก็ดี ถือว่ามันเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ถ้าไม่ให้เธอก็รู้ว่า เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว และนั่นคือรางวัลที่ดีที่สุด นั่นคือรางวัลของเธอ และนั่นคือตำแหน่งของเธอ-ในหัวใจของเธอ มันคือการเป็นศาสตราจารย์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่ให้ได้งานหรือได้เงินมากขึ้น มันไม่มีราคา เราเป็นผู้บำเพ็ญ เราไม่คิดในเรื่องนั้น

และยังมีอีกเรื่องหนึ่งด้วยคือ เธอไม่มีวันแน่ใจว่า เธอจะมีชีวิตอยู่อีกวันหนึ่ง เพื่อให้ได้ตำแหน่งนั้นหรือว่าตำแหน่งนี้หรือเปล่า (เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือ) แรงกดดันส่วนใหญ่แล้วเราสร้างให้กับตัวเราเอง เธอไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่า เธอจะมีชีวิตอยู่จนถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า เพราะฉะนั้นอย่าพูดว่า “ฉันจะนั่งอยู่ที่นี่และรออยู่ 5 ปีจนกว่าฉันได้งานศาสตราจารย์” ช่างเป็นแรงกดดันอะไรอย่างนั้น บางครั้งมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะเราทำงาน กับคนอื่น ๆ และพวกเขาสร้างแรงกดดันให้แก่เราโดยไม่เป็นเรื่อง เพราะพวกเขาโง่ มันเป็นความจริงเราต้องทำงานกับคนโง่ ๆ บางครั้งมันน่าเศร้าใจ แต่มันเป็นแบบนั้น แต่ถ้าเราสามารถควบคุมมันได้โดยการนำสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ในกำมือของเรา เราทำดีที่สุด เท่าที่เราสามารถทำได้ก็เท่านั้นเอง

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเธอไปทำงานแล้วพูดว่า "ตกลง ฉันต้องไปจากที่นี่อีกครั้ง 'งานนี้อาจจะไม่ดีพอสำหรับฉัน'" แล้วเธอต้องคิดทันทีว่า " ใครจะรู้ว่า ที่นี่อาจจะเป็นบริษัทที่ดี ฉันอาจจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ฉันอาจจะได้รับเงินเดือนที่ดีกว่าที่นี่ ที่นี่อาจจะมีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า มันอาจจะเป็นงานที่ดี มันอาจจะมีบรรยากาศในการทำงานที่ดีที่นี่ ฉันอาจจะได้เจอเพื่อนชายที่นี่ หรือฉันอาจจะได้แต่งงานกับหัวหน้าในปีหน้าด้วยซ้ำ เขาอาจจะรักฉันมาก ฉันจะได้สืบทอดบริษัทนี้" (เสียงหัวเราะ) ทำไมล่ะ? ใครจะรู้? แล้วใครที่จะสามารถรับประกันได้ว่า เธอจะไม่มีสิ่งเหล่านั้น?

แต่ถ้าเธอพูดว่า "สิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้!" แล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่เธอกำลังคิดในทางลบจะเป็นไปได้? ใครล่ะที่จะรับประกันว่า ทั้งสองด้านจะเกิดขึ้น? เพราะฉะนั้นแค่คิดในทางบวก ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นจริง แต่มันก็จะไม่ทำให้เธอสูญเสียอะไรเลย อย่างน้อยเธอก็ได้ทดลองงานใหม่ ๆ สนุกกับการได้รู้จักกับคนใหม่ ๆ มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบงานนั้น แต่เธอก็ยังมีโอกาสที่จะลาออกได้เช่นกัน การเข้าทำงานนั้นยาก แต่การลาออกง่ายนิดเดียว เธอทราบดี เพราะฉะนั้น เธอมีโอกาสที่จะเลือกได้ตลอดเวลา ถ้าเธอไม่ชอบงานหนึ่ง เธอก็สามารถหางานอื่น ๆ ได้อีก จนกว่าเธอจะได้งานที่เธอชอบ ดังนั้นแค่สนุกกับมันเท่านั้น

จงอดทน และให้เวลากับตัวเธอที่จะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและเพื่อนร่วมงาน มีความสุขกับพวกเขา การได้รู้จักกับคนใหม่ ๆ จะทำให้เธอสามารถเรียนรู้ได้จากพวกเขา พวกเขาอาจจะสอนสิ่งใหม่ ๆ ให้กับเธอ หรือทำให้เธอรู้จักกับคนอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาอาจจะสอนบางสิ่งบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ พาเธอไปร้านอาหารใหม่ ๆ ที่เธอชอบ หรือเธออาจจะได้เจออพาร์ทเม้นท์ที่ดีกว่าที่เธอเคยเจอ เพราะฉะนั้นแค่พยายาม สิ่งที่แย่ที่สุดก็แค่เธออาจจะเสียงานนั้น เพราะเธอไม่สามารถหาอพาร์ทเม้นท์ได้ หรือเธอไม่ได้รับเงินเดือนที่พอเพียง อย่าเพิ่งให้คำตอบจนกว่าเธอจะรู้ แค่ลงมือทำก่อนเท่านั้น

คิดถึงตัวเธอเองว่า "ท่านอาจารย์จะทำแบบไหนตรงตำแหน่งของฉัน?" พยายามคิดว่า "ตกลง อะไรที่ท่านจะทำในขณะนี้?" ท่านจะหนีหรือไม่? ท่านจะคิดเหมือนที่ฉันทำตอนนี้ หรือท่านแค่จะพยายาม? ท่านจะคิดในสิ่งที่เป็นบวก และหวังว่ามันจะต้องดีที่สุดหรือไม่? หรือเธอสามารถคิดว่าอะไรที่พระเจ้าจะคิดในขณะนี้ คิดว่าพระพุทธเจ้าจะคิดอะไรในขณะนี้ คิดว่าอะไรที่พระเจ้าในตัวเธอต้องการที่จะทำในตำแหน่งของเธอในขณะนี้ จงคิดและใช้พระเจ้าภายใน เสมือนกับใช้คำแนะนำของเธอ และสนุกกับมัน เธอสามารถสนุกกับงาน เพื่อนร่วมงาน และบริษัทใหม่ได้

จงทำให้เป็นการผจญภัยที่สนุกสนาน การผจญภัยเต็มไปด้วยความเสี่ยงใช่หรือไม่? ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า ถ้าเธอไปแอฟริกา เธอจะพบกับแรด และจะได้ขี่มัน และมีรูปของเธออยู่ในข่าว CNN หรือไม่ แรดอาจจะฆ่าเธอ! แต่นั่นมันก็เป็นเพียงการผจญภัยที่สนุกสนาน

 

 

 <<
ส่งหน้านี้ต่อให้เพื่อน ๆ