ในวันที่ 8 มีนาคม 2549 ประธานคณะกรรมาธิการของสหภาพยุโรปได้เสนอนโยบายพลังงานยุโรปใหม่ที่ชื่อ “ยุทธศาสตร์ยุโรปสำหรับพลังงานที่ทำให้อยู่รอดได้มีการแข่งขันและมั่นคง” ^[1] แม้จะมีการชักชวนอย่างหนักจากอุตสาหกรรมพลังงานแบบดั้งเดิม แต่ข้อเสนอนี้ก็ได้วางพื้นฐานให้กับสหภาพยุโรป ในการกลายเป็นภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพทางพลังงานมากที่สุดของโลก

เมื่อไม่นานมานี้ สหภาพยุโรปได้กลายเป็นผู้นำโลกในการพัฒนาพลังงานทางเลือก หลังจากเป็นหัวหอกในสนธิสัญญาเกียวโต ซึ่งได้บังคับใช้ในปีพ.ศ.2548 และได้แปรเปลี่ยนตลาดพลังงานทางเลือกทั่วโลกอย่างสมบูรณ์ สหภาพยุโรปได้กำหนดเส้นตายที่แน่นอนสำหรับสมาชิก ในการแปรเปลี่ยนพลังงานใหม่ โดยตั้งเพดานเป้าไว้ให้ใช้พลังงาน 21% จากแหล่งใหม่ภายในปีพ.ศ.2553

นโยบายใหม่ทางด้านพลังงานของสหภาพยุโรป เป็นผลโดยตรงจากจิตสำนึกที่สูงขึ้นของชาวสหภาพยุโรป ผลการสำรวจที่ออกมาในเดือนมกราคม 2549 พบว่า 40% ของพลเมืองสหภาพยุโรปประกาศว่า พวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินค่าพลังงานที่สูงกว่า ถ้าพลังงานนั้นมาจากแหล่งใหม่^[2]

ในวันที่ 21 เมษายน 2549 คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ออกระเบียบการทางกฎหมาย เพื่อใช้กับสมาชิกจำนวนมากที่ไม่สามารถทำตามเส้นตายได้ การกระทำที่น่าทึ่งนี้แสดงให้เห็นว่า สหภาพยุโรปเต็มใจที่จะรักษาสัญญาและเป็นตัวอย่างที่ทรงพลังสำหรับภูมิภาคอื่น ๆ พลเมืองของสหภาพยุโรปได้ทำประโยชน์อันไม่อาจวัดได้แก่ชนรุ่นอนาคตของทุกประเทศ ด้วยนโยบายพลังงานใหม่อันกล้าหาญ ^[3]