ยุคมังสวิรัติ

 

คนดับเพลิง เป็นมังสวิรัติ

♥♥♥♥

 

โดยวินเซนท์ เหงียน เวอร์จิเนียร์ สหรัฐอเมริกา (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

เท็กซัส เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องคาวบอย ที่ใส่กางเกงยีนส์สีฟ้า หมวกใบใหญ่ และเข็มขัดหนังที่มีหัวเข็มขัดขนาดใหญ่ มันยังเป็นที่รู้จักกันสำหรับผู้กินเนื้อสัตว์ปริมาณมากอีกด้วย ดังนั้น เมื่อนักดับเพลิง 5 คนในเมืองหลวงออสติน เปลี่ยนมากินอาหารมังสวิรัติ จึงเป็นเรื่องประหลาดใจต่อชาวเมือง รวมไปถึงสื่อต่าง ๆ ทั่วสหรัฐ

จากเว็บไซต์ของพวกเขา www.engine2.org ขณะนี้เมืองออสตินมี “... ผู้หญิงใน BMW จอดอยู่ข้าง ๆ รถดับเพลิงไต่ถามว่า พวกเขาเป็นคนดับเพลิงมังสวิรัติหรือเปล่า” ด้วยความผิดหวังพวกเขาก็ได้รับคำตอบว่า “ไม่ใช่ เป็น Engine 2”

ภัตตาคารท้องถิ่นได้สร้างเมนูอาหารในนามของพวกเขา คือ “แซนด์วิชมังสวิรัติ Engine 2” จากนี้ประชาชนสำหรับการกระทำที่มีคุณธรรมต่อสัตว์ (PETA) ได้มอบรางวัล “สถานีดับเพลิงที่เป็นมิตรกับสัตว์”

ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นด้วยการทดสอบคอเลสเตอรอลที่ทำเป็นประจำ สมาคมหัวใจอเมริกันระบุคนที่มีระดับ 240 มิลลิกรัมหรือมากกว่าว่าเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูง ผู้เชี่ยวชาญ แร อายุ 37 ปีเท่านั้น ทราบว่าระดับคอเลสเตอรอลของเขาคือ 344 สมาชิกในครอบครัวของเขาที่เป็นผู้ชายทั้งหมด ยกเว้น หนึ่งคนได้ตายด้วยโรคหัวใจก่อนอายุ 60 ปี พ่อของแรซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวเท่านั้น ได้เกิดอาการหัวใจวายและได้เข้ารับการผ่าตัดบายพาส 3 เส้นเมื่ออายุ 55 ปี

หลังจากได้ฟังผลการทดสอบเลือด สมาชิกอีกคนหนึ่งของสถานีดับเพลิง ผู้เชี่ยวชาญเอสเซลสตีล อายุ 43 ปีได้พูดชักชวนให้แรเปลี่ยนมารับประทานมังสวิรัติ เอสเซลสตีลเป็นนักกีฬา 3 อย่างมืออาชีพเป็นเวลา 10 ปีก่อนที่จะเข้าร่วมในปีพ.ศ.2540 เขาได้กลายเป็นมังสวิรัติในปีพ.ศ.2529 และเป็นเจในปีพ.ศ. 2545 พ่อของเอสเซลสตีล คือ คาล์ดเวล บี เอสเซลสตีล จูเนียร์ เป็นศัลยแพทย์ทั่วไปที่คลินิกคลีฟแลนด์ซึ่งได้รับการจัดอันดับจาก U.S.News & World Report ให้เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่อยู่ใน 4 อันดับแรกของประเทศ[1] ดร.เอสเซลสตีลได้ทำการทดลอง 12 ปี โดยการใช้คนไข้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเหมือนกับมีโรคหัวใจถึงขั้นเสียชีวิต

การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า “:.แม้กระทั่งถ้าคนอเมริกันทุกคนรักษาระดับคอเลสเตอรอลรวมของเขาให้ต่ำกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรตามที่สมาคมหัวใจอเมริกันแนะนำไว้ คนจำนวนหลายล้านคนก็จะมีโรคเส้นเลือดหัวใจ” การศึกษาได้สรุปว่า นอกเหนือจากการรักษาระดับคอเลสเตอรอลให้ลดลง อาหารที่มีพืชเป็นพื้นฐานซึ่งมีไขมันน้อยกว่า 10% จะป้องกันการเกิดโรคหัวใจ หยุดการพัฒนาการเกิดโรคที่เป็นอยู่ และแม้กระทั่งทำให้โรคเป็นไปในทางตรงกันข้ามในผู้ป่วยหลาย ๆ คน” [2]

เพื่อเป็นการช่วยให้เพื่อนนักดับเพลิงในเมืองของเขาเปลี่ยนแปลงอาหาร เอสเซลสตีลได้คิดค้นมังสวิรัติที่เอร็ดอร่อยซึ่งรวมไปถึงเอ็นจีลาดาส “พอล แม็คคาทนี่ย์” ซึ่งมีผักโขมและเห็ดพอร์โตเบลโล่ หลังจากได้ชิมอาหารดูแล้วนักดับเพลิงอีกคนหนึ่งคือ ร้อยโทสก็อต วอลเตอร์สก็ได้เปลี่ยนมาเป็นอาหารมังสวิรัติด้วยเช่นกัน

ต่อมาวอลเตอร์สที่เป็นนักมังสวิรัติคนใหม่ ก็ได้ทำพุดดิ้งเต้าหู้ ช็อคโกแลต และให้พุดดิ้งนี้กับนักดับเพลิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งจนถึงเวลานั้นเขายอมรับว่าตนเองเป็น “ผู้เกลียดมังสวิรัติ” สิ่งนี้ได้ทำให้เขาได้กลายเป็นมังสวิรัติ ขณะนี้สมาชิกทั้ง 5 คนของทีม Engine 2 คือ เจมส์ แร, ริป เอสเซลสตีล, แม็ท มัวร์, เดริก ชเวอร์นีแมน , และสก็อต วอลเตอร์ส เป็นมังสวิรัติ การปฏิบัติของพวกเขาได้เป็นที่สนใจของชาวเมืองออสตินจำนวนมาก รวมไปถึงสื่อต่าง ๆ ทั่วสหรัฐ

ในการพูดถึงอาหารเจของตัวเขาเอง เอสเซลสตีลได้กล่าวว่า “เพื่อเหตุผลทางด้านความเมตตาและเหตุผลทางด้านสิ่งแวดล้อมมันเป็นทางที่ดีที่สุด การคิดว่า หมูหรือวัว หรือไก่ไม่มีความรู้สึกมากไปกว่าสุนัขหรือแมวของคุณนั้น เป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ” เขายังชี้ให้เห็นอีกด้วยว่า การทำฟาร์มแบบโรงงานเป็นสิ่งที่ไร้มนุษยธรรมและทำลายสิ่งแวดล้อมมาก

นอกจากความรู้สึกที่ดีขึ้นนับตั้งแต่หันมารับประทานมังสวิรัติ ผู้เชี่ยวชาญแรก็ได้พบว่าคอเลสเตอรอลของเขาได้ลดลงมาที่ 196

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยม:
http://www.engine2.org/site/index.php?option=com_content&task=view&id=19&Itemid=13

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ๆ