การรับประทานอาหารเจเป็นสิ่งที่ดียิ่งกว่าการขับรถยนต์ไฮบริดไฟฟ้า ในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้เป็นคำกล่าวของหนังสือพิมพ์ซึ่งตีพิมพ์ในวันที่ 12 เมษายน 2549 ในหนังสือพิมพ์ Earth Interaction ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของสหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกัน ศาสตราจารย์ กิดอน เอซเฮล และ พาเมล่า มาร์ติน แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกบอกว่า การรับประทานอาหารเจจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปีละ 1.5 ตัน ในขณะที่การเปลี่ยนจากรถแบบดั้งเดิม (โตโยต้าแคมรี่) เป็นรถไฮบริด (โตโยต้า ไพรอัส) จะลดได้ 1 ตัน[1] สิ่งที่น่าประหลาดใจอย่างมากในการศึกษาก็คือ ค่าของพลังงานในการรับประทานปลาซึ่งเกือบจะมากเท่า ๆ กับการรับประทานเนื้อสีแดง สิ่งนี้เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายปริมาณมากในการล่าปลาในเรือ ในหมู่นักชีววิทยา ปลาและเนื้อสัตว์เป็น “โปรตีนราคาถูก” สำหรับสัตว์ที่กินเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ตรงกันข้ามนี้เป็นเรื่องจริง สำหรับการผลิตอาหารให้สำหรับมนุษย์ ประสิทธิภาพของพลังงาน (พลังงานที่ออกมาหารด้วยพลังงานที่ใส่เข้าไป) ของโปรตีนในกุ้งคือ 0.5% ในขณะที่เป็น 510% สำหรับข้าวโอ๊ต ผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ อยู่ในช่วง 3% ขอให้สังเกตว่าสิ่งนี้อ้างถึงโปรตีนเท่านั้น ไม่ใช่สารอาหารอื่น ๆ ซึ่งผลไม้เป็นแหล่งที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามาก[2] นักวิจัยชี้ว่าการศึกษาของพวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานในระยะยาวที่มีปริมาณมาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเช่น น้ำในการผลิตเนื้อสัตว์ ดร.เอซเฮล สรุปว่า “เราขอบอกว่า ยิ่งคุณสามารถเข้าใกล้อาหารเจได้มากเท่าไร คุณก็จะห่างไกลจากอาหารแบบธรรมดา ก็จะยิ่งเป็นการดีสำหรับโลก”
|