รายงานพิเศษ - เป็นเพื่อนและเติบโตไปกับบุตรของพระเจ้า


ความรักของท่านอาจารย์และครอบครัว
อยู่เป็นเพื่อนข้าพเจ้าตลอดเวลาการเติบโต

เขียนโดยศิษย์พี่หญิงหม่า ไทเป ฟอร์โมซา (ต้นฉบับเป็นภาษาจีน)


เมื่อเร็ว ๆ นี้ชมการปราศรัยธรรมของท่านอาจารย์เรื่อง เป็นพ่อแม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนลูก ๆ ให้ผ่านพ้นวัยหนุ่มสาวได้อย่างไร ทำให้ข้าพเจ้าหวนคิดถึงวัยสาว เหมือนกับคนอื่น ในใจเต็มไปด้วยความกังวลและไม่มั่นใจ แต่ในใจข้าพเจ้าทราบดี ข้างตัวข้าพเจ้าจะมีคลื่นพลังคอยอยู่เป็นเพื่อนข้าพเจ้า นั่นก็คืออาจารย์ แม่ และครอบครัวที่ข้าพเจ้าให้ความเชื่อมั่นนั่นเอง

จำได้ว่าตอนอยู่ชั้นประถมศึกษา ข้าพเจ้ายังไม่ได้ประทับจิต เห็นท่านอาจารย์ขับรถไปรอบ ๆ เพื่อดูแลเพื่อนบำเพ็ญน้อยใหญ่กับแขกผู้มีเกียรติที่ศูนย์ซีหูอยู่เสมอ สิ่งที่ไม่ลืมก็คือ บนรถจะแขวนตุ๊กตาผ้าและมีลูกกวาด บางครั้งท่านอาจารย์จะทำให้เด็ก ๆ ตื่นเต้น โยนตุ๊กตาผ้า และลูกกวาดที่เด็ก ๆ อยากได้ บางครั้งอาจารย์จะให้เด็กนั่งรถแล้วขับวนไปรอบ ๆ ด้วย ช่างเป็นภาพที่ลืมไม่ลงและน่าชื่นชมจริง ๆ !

วันที่ 31 ธันวาคม 2538 ขณะที่ข้าพเจ้าเรียนชั้นประถมปีที่ 2 คุณแม่พาข้าพเจ้าไปประทับจิตครึ่งหนึ่ง 2 เดือนต่อมาคุณพ่อก็ได้ประทับจิตในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2539 หลังจากนั้นครอบครัวของพวกเราก็ได้ใช้ชีวิตบำเพ็ญอย่างมีความสุข ทั้งครอบครัวจะนั่งชมวีดีโอเทปการปราศรัยธรรมของท่านอาจารย์ คุยเรื่องคำสอนของท่านอาจารย์ พ่อแม่จะอธิบายเรื่องความสำคัญของการนั่งสมาธิให้กับข้าพเจ้าฟังอยู่เสมอ สร้างความมั่นใจต่อธรรมวิถีกวนอิมให้กับข้าพเจ้าตลอด เนื่องจากเรียนชั้นประถมต้องทานเจ เพื่อนนักเรียนมักจะมองข้าพเจ้าด้วยสายตาแปลกเสมอ ทำให้ข้าพเจ้ารับไม่ได้ แต่คุณแม่จะเล่าคำสอนท่านอาจารย์ให้ฟังเสมอ เพื่อให้ข้าพเจ้าเข้าใจถึงความสำคัญในการทานเจ ดังนั้น ข้าพเจ้าก็จะไปบอกกับเพื่อน ๆ ถึงประโยชน์ในการทานเจด้วย และแก้ไขมนุษย์สัมพันธ์ให้ดีขึ้น

ข้าพเจ้าขอบคุณคุณแม่มากที่คอยพัฒนาให้ข้าพเจ้าเคยชินกับการนั่งสมาธิ ทุกวันจะนั่งสมาธิกับข้าพเจ้าด้วยกัน และพาข้าพเจ้าไปนั่งสมาธิกลุ่มเสมอทุกวันอาทิตย์ คุณพ่อจะพาครอบครัวไปนั่งสมาธิกลุ่มที่ศูนย์ซีหู เมื่อถึงเวลาเพื่อนบำเพ็ญน้อยนั่งสมาธิมาถึง คุณพ่อจะสั่งให้ข้าพเจ้าอย่าลืมไปนั่งสมาธิ ข้าพเจ้าจะถือเบาะไปนั่งสมาธิกับเพื่อน ๆ ในป่าไผ่ด้วยกัน วันนี้หวนคิดขึ้นมา ช่างเป็นกาลเวลาที่เป็นสุขและน่าหวนคิดถึงในวัยเติบโตจริง ๆ ตอนเที่ยงเป็นเวลาของคำสอน คุณพ่อกับคุณแม่และข้าพเจ้าจะนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ฟังท่านอาจารย์ปราศรัยธรรม ดูจบก็คุยวิเคราะห์กัน แสดงความคิดเห็นตนเอง ทุกครั้งจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึก และมีความรู้สึกที่เปิดกว้างเสมอ มองเห็นเรื่องต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น สิบกว่าปีที่ผ่านมา ทุกวันอาทิตย์ที่ศูนย์ซีหูเปิด แม่น้ำอมฤตเป็นสถานที่ที่ข้าพเจ้าและพ่อแม่คุยเรื่องคำสอนของท่านอาจารย์และเรื่องส่วนตัวของพวกเราเสมอ

วันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเราเติบโตในครอบครัวกวนอิม จากความรักและพรของท่านอาจารย์ มีชีวิตที่เป็นสุข จนกระทั่งมาถึงชั้นมัธยม 3 ที่มีการเรียนหนักที่สุด ต้องแบกภาระการสอบเลือกโรงเรียน เลือกคณะวิชา ซึ่งมีความกดดันมาก สอบทุกวันที่ไม่รู้จักจบ อ่านหนังสือที่ไม่จักจบทุกวัน กล่าวได้ว่าวัน ๆ หนึ่งช่างยาวนาน แต่ข้าพเจ้าก็จะคิดถึงท่านอาจารย์เสมอ โดยเอาท่านอาจารย์เป็นที่พึ่ง เมื่อคิดถึงท่านอาจารย์ก็จะสบายใจ จากการเรียนที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ เวลาจะไปนั่งสมาธิกลุ่มก็น้อยลง และทุกครั้งที่ไปนั่งสมาธิกลุ่ม จะนั่งหลับไปทันที รู้สึกละอายใจมาก คุณแม่เห็นแล้วก็ไม่ได้ตำหนิข้าพเจ้า จะบอกกับข้าพเจ้าเสมอว่า ให้พยายามก็พอแล้ว ท่านอาจารย์จะเข้าใจเอง ความจริงใจสำคัญกว่า การเรียนก็พยายามก็แล้วกัน

สำหรับนักเรียนที่เรียนชั้นมัธยม 3 มัธยม 6 เมื่อถึงเวลาสอบ ในใจของพวกเขาจะรู้สึกไม่มั่นใจ ขาดความช่วยเหลือ สำหรับพวกเขาแล้ว การให้กำลังใจและเป็นเพื่อนจากพ่อแม่มีความสำคัญมาก ถ้าผู้ปกครองทุกท่านเหมือนกับพ่อแม่ข้าพเจ้า ในด้านการบำเพ็ญกับชีวิตความเป็นอยู่ จะดูแลด้วยความรัก ให้กำลังใจ อดทนฟังคำในใจจากลูก โดยไม่ใช่เอาแต่ตำหนิอย่างเดียว จะต้องได้รับผลดีอย่างแน่นอน

ท่านอาจารย์พูดได้ถูกต้องมาก: พ่อแม่ที่ดีคือพ่อแม่ที่ทำตัวเป็นเพื่อนลูก ความจริงในใจข้าพเจ้า พ่อแม่ของข้าพเจ้าไม่เพียงให้กำเนิดข้าพเจ้า เลี้ยงดูให้ข้าพเจ้าเติบโต ทั้งยังเป็นเพื่อนแท้ในชีวิตข้าพเจ้าอีกด้วย และเป็นเพื่อนบำเพ็ญทางจิตวิญญาณข้าพเจ้า มีพ่อแม่ ข้าพเจ้าจึงได้เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวกวนอิม บนเส้นทางแห่งการบำเพ็ญ นอกจากคำสอนของท่านอาจารย์แล้ว พ่อแม่เป็นผู้จุดตะเกียงให้กับข้าพเจ้า จุดตะเกียงที่สว่างให้ตลอดเวลา เพื่อให้ข้าพเจ้าเลี่ยงจากขวากหนาม ห่างไกลความยั่วยุทางโลก กลับสู่ทางสวรรค์เพื่อ “กลับบ้าน” ได้อย่างราบรื่น

 

 <<
ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ๆ