อารมณ์แห่งบทกวี

 

ในบทกวีนี้ผู้อ่านสามารถได้ยินนักกวีคุยกับพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง นักกวีพูดเป็นตัวแทนมวลมนุษย์ ทบทวน แม้แต่ฟ้องพระเจ้า พูดจนหมดในสิ่งที่คนไม่กล้าพูด และไม่สามารถพูดได้ ชีวิตมหาอาจารย์ไม่ได้ทำให้นักกวีถูกขังไว้ชายหาดอันตื้นแห่งลาภยศ ท่านไม่ได้เวียนศีรษะกับการรักและเคารพของผู้คน กลับบินต่อไป ยิ่งเข้าถึงแม่น้ำแห่งชีวิตได้ลึก ฟังผู้คนเล่าถึงความฝันที่สับสนเหมือนจริง แต่ไม่จริง นักกวียิ่งตื่นตัวจนนอนไม่หลับอีกต่อไป

บทกวีที่ไร้เมล็ดพันธ์บันทึกรอยเท้าของนักกวีสมัยไปแสวงหาสัจธรรม และนักบุญ นักกวีเคยอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูปที่สูงโปร่ง ครุ่นคิดความจริงแห่งชีวิต ไปบำเพ็ญฌานที่กรุงปารีสเมืองดอกไม้จนลืมทางโลก และได้เขียนถึงการต่อสู้ ดิ้นรนระหว่างความรักกับทางแห่งสัจธรรม ต่อมาไปที่อินเดีย ปิดฌานที่ภูเขาหิมาลัย ตื่นเต้นกับการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าที่อยู่ภายใน

ท่านคือผู้ที่ฉันรอคอยมาตลอด

ความรักความเมตตาที่เปี่ยมล้นดั่งมหาสมุทร

แสงแห่งความสง่างามส่องแสงโชติช่วงชัชวาล
นำทางคนหลงทางกลับสู่บ้านเดิม

……

ทำไมต้องเป็นฉัน

ได้รับความมหัศจรรย์

ในโลกที่หลับๆ ตื่นๆ สะลึมสะลือ?

บำเพ็ญกี่พันปีจึงจะมีวันนี้

เข้าใกล้ผู้สง่างามคือท่าน !


คัดจาก “บทกวีที่ไร้เมล็ดพันธุ์” อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่

น้ำตาที่ไหลเงียบ เป็นตัวแทนบทกวีที่ท่านอาจารย์เริ่มเป็นผู้นำแห่งจิตวิญญาณ ตัวอักษรเปล่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาหิมาลัย นักกวีบรรยายถึงความสัมพันธ์จากภายในอันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือโลก พ่อแม่ ลูก คนรัก ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ได้อย่างละเอียด จากคำกลอนที่ขบขานมาสนับสนุนผู้บำเพ็ญอยู่บนเส้นทางที่ว้าเหว่ อย่าได้หยุดการบำเพ็ญ

เมื่ออ่านบทกวีของท่านอาจารย์ทั้งหมด เหมือนได้ผ่านไปหลายปี คำว่าชีวิตเหมือนละครมันเป็นความจริง แต่ว่ามีสักกี่คนที่สามารถผ่านคลื่นน้ำแห่งชีวิตโดยสามารถยืนหยัดอยู่ได้? สามารถสัมผัสชีวิตได้ทะลุปรุโปร่งโดยไม่ถูกซาตานหลอกด้วยวิธีต่างๆ และยกระดับความรักอันเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เป็นความรักความเมตตาอันยิ่งใหญ่ นำพาผู้คนไปสู่ดินแดนที่สูงยิ่งขึ้น คิดว่าจากโบราณมาคงมีเพียงคนนี้คนเดียว!


 <<
 >>
ส่งหน้านี้ต่อให้เพื่อน ๆ