อาจารย์เล่านิทาน

 

 

การทำงาน
เป็นทีม
ช่วยได้เสมอ

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
28 ธันวาคม 2542
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)
วีดีทัศน์เบอร์ 679

 

มีชายคนหนึ่งที่มีม้าตัวหนึ่งเป็นม้าตาบอดชื่อปีเตอร์ ซึ่งมองไม่เห็นอะไร ดังนั้นเมื่อเขาต้องการให้ปีเตอร์ทำอะไรบางอย่าง ผู้ชายคนนี้ก็จะยืนและตะโกนว่า “มาร์โก้ มาเร็ว เจ้าหนูดึงเดี๋ยวนี้ ดึงไปเรื่อย ๆ ดึงไปเรื่อย ๆ!” ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปีเตอร์ก็จะยืนอยู่ตรงนั้นไม่ทำอะไรเลย ผู้ชายคนนี้ก็จะตะโกนอีกและพูด “เร็ว มาร์ติน ดึง มาดึงด้วยกัน!” แล้วปีเตอร์ก็จะยืนอยู่ตรงนั้นไม่ทำอะไร

ในที่สุดเขาก็จะพูดว่า “ปีเตอร์ ดึงสิ!” แล้วปีเตอร์ก็จะดึง เพื่อนของเขาก็จะถามเขาว่า “ทำไมเธอจึงไม่เรียกชื่อปีเตอร์ตั้งแต่ตอนแรกล่ะ เธอก็มีม้าเพียงตัวเดียวเท่านั้น แล้วทำไมเธอจึงเรียกมาโก้และมาร์ติน ทำไมล่ะ?” เจ้าของก็เลยพูดว่า “ม้าปีเตอร์ของฉันนั้นขี้เกียจมาก เพราะว่าเขาตาบอดและเขามองไม่เห็น ถ้าหากเขาคิดว่าเขาต้องดึงอยู่คนเดียว เขาก็จะไม่ดึง”

เมื่อเธอนั่งด้วยกัน เธอพูดว่า “ผู้หญิงทั้งหลายทำมันและเนื่องจากฉันเป็นผู้ชาย ถ้าฉันไม่ทำมันก็จะดูไม่ดี” แล้วผู้หญิงทุกคนก็คิดว่า “ผู้ชายทั้งหลายก็นั่งอยู่ตรงนี้เหมือนกัน ฉันจะต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าใครนั้นดีกว่า”

ดังนั้น เมื่อเรานั่งด้วยกันทุกคนก็ทำแบบเดียวกัน เรารู้สึกว่าได้รับกำลังใจรู้สึกว่าเรามีกลุ่มที่ใหญ่ และให้การสนับสนุนอย่างแรงกล้าเราก็เลยทำมัน นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก! และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าสงบลงมากกว่า มีใจสงบมากขึ้น และอยากจะนั่งสมาธิมากกว่า เมื่อเธอนั่งอยู่คนเดียวที่บ้านหรือที่ไหนก็ตาม เหตุนี้พระเยซูจึงพูดว่า เธอควรนั่งสมาธิกับคนอื่นมากกว่า 1 คน อย่างเช่น 2 คนหรือมากกว่านั้น มันก็เป็นสิ่งที่ดีกว่าแบบนั้นแหละ เธอรู้สึกดีขึ้น นั่นเป็นวิธีการด้านจิตวิทยา

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือพระเจ้า 2 องค์ที่ทรงพลังนั่งด้วยกันนั้นดีกว่าองค์เดียว เหตุนี้ฌานและสมาธิกลุ่มมีความก้าวหน้าต่อการพัฒนาทางจิตวิญญาณของเธอ ฉันไม่ทราบว่าทำไมกลุ่มอื่น ๆ บางกลุ่มถึงบอกคนอื่น ๆ ว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องมานั่งสมาธิกลุ่มและสามารถนั่งที่บ้านได้ ฉันก็ไม่ทราบเช่นกันแต่ฉันมักพบเสมอเหมือนอย่างที่พวกเธอพบเช่นกันว่าสมาธิกลุ่มและฌานมักจะมีประโยชน์เสมอ

มันเป็นการง่ายกว่าที่จะรวมสมาธิ ณ ที่นี้ใช่ไหม? (ผู้ฟัง:ใช่!) เห็นไหม ทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตั้งจิต ถ้าหากเรากะว่าจะทำอะไรบางอย่าง และเราตั้งใจว่าเราจะทำมันภายในระยะเวลาหนึ่ง ๆ จิตของเราก็จะเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ และมันก็จะให้ความร่วมมือและเนื่องจากเธอมาที่นี่ เธอก็รู้ว่าจุดมุ่งหมายของที่นี่ก็คือการทำสมาธิ สำหรับ 1 สัปดาห์นี้จะไม่มีการติดต่อทางสังคม ธุรกิจ ไม่มีการโทรศัพท์และไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องเป็นกังวล ไม่ต้องห่วงเรื่องทำอาหาร ยกตัวอย่างมีคนทำอาหารให้เรา เธอเพียงแต่รู้ว่าเธอได้เริ่มต้นทำอะไรแล้ว เธอได้ตัดสินใจแล้วว่าเรามาที่นี่เพื่อจะนั่งสมาธิ เพราะฉะนั้นเมื่อเธอนั่งลงเธอก็จะสงบลงได้มากขึ้นและเธอก็เพียงแต่นั่ง เธอรู้ว่าเวลาไหนที่เธอจะต้องนั่งและทุกคนก็นั่ง ดังนั้นจิตจึงยินดีที่จะให้ความร่วมมือ

 

ส่งหน้านี้ต่อให้เพื่อน ๆ