การพัฒนาเชิงบวกในโลก

ยุโรปนำมาซึ่ง
ยุคทองที่ไร้ควันบุหรี่

โดยกลุ่มข่าวสหราชอาณาจักร (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

ในเดือนพฤษภาคม 2542 ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้ทัวร์บรรยายธรรมไปทั่วยุโรป โดยยกระดับจิตสำนึกและทวีปนี้ท่ามกลางสงครามในคาบสมุทรบอลข่าน ในคืนวันเดียวกันนั้น (ในชั่วโมงเดียวกัน) ของการบรรยายธรรมสุดท้ายของท่าน ก็ได้มีการลงนามข้อตกลงสันติภาพในที่สุด นับแต่นั้นเป็นต้นมายุโรปก็ได้มีช่วงเวลาแห่งสันติภาพซึ่งไม่เคยมีมาก่อน

โชคไม่ดีที่ระหว่างการเดินทางการบรรยายธรรม ท่านอาจารย์ได้เห็นรูปแบบการทำลายล้างอีกรูปแบบหนึ่งทั่วยุโรป นั่นคือ การสูบบุหรี่ เนื่องจากร่างกายของท่านมีความอ่อนไหวอย่างสูงต่อมลภาวะทุกชนิด ท่านอาจารย์จึงมีอาการของระบบทางเดินหายใจเกิดขึ้น ท่านได้เตือนชาวยุโรปซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เพื่อสุขภาพและความผาสุกทางจิตวิญญาณของพวกเขา พวกเขาจะต้องเลิกสูบบุหรี่

เป็นที่น่าประหลาดที่นับแต่นั้นมา ยุโรปก็ได้กลายเป็นผู้นำโลกในการกำจัดการสูบบุหรี่ แม้ว่าการสูบบุหรี่จะฝังรากลึกในวัฒนธรรมชาวยุโรป โดยเฉพาะในร้านคาเฟ่และผับต่างๆ แต่ 6 ประเทศในยุโรป คือ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ อิตาลี มอร์ทาร์ สวีเดน และสก็อตแลนด์ ก็ได้ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ข้อห้ามในทำนองเดียวกันนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนนี้ ในรัฐเวีย และปีต่อไปในสหราชอาณาจักร

ระหว่างนี้ประเทศเยอรมันก็กำลังจะมีข้อห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะในอนาคตอันใกล้นี้ การหยั่งเสียงแสดงให้เห็นว่า คนเยอรมันส่วนใหญ่เห็นด้วยกับข้อห้ามนี้ สภาเยอรมันกำลังเตรียมกฎหมายอยู่ขณะนี้ และด้วยการสนับสนุนจากอัครรัฐมนตรีเสนาบดีของเยอรมัน แองเจล่า เมอร์เกล ซึ่งห้ามการสูบบุหรี่ในการประชุมสภา “การได้แต้มต่อของข้อห้ามไม่เคยดูดีอย่างนี้มาก่อน”

การเก็บภาษีผลิตภัณฑ์ยาสูบอาจได้ผลมากกว่าการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะด้วยซ้ำ การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า การเก็บภาษีบุหรี่ที่สูงได้ขัดขวางคนหนุ่มสาวจากการสูบบุหรี่ ในประเทศอังกฤษ การขึ้นภาษีมีผลทำให้ผู้คนซื้อบุหรี่น้อยลง และซื้อสิ่งทดแทนนิโคตินกันมากขึ้น ซึ่งช่วยให้พวกเขาเลิกจากการติดบุหรี่ได้ ในบัลแกเรียการบริโภคยาสูบได้ลดลงนับตั้งแต่ภาษีบุหรี่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อต้นปีนี้ สถานการณ์นั้นรุนแรงถึงกับทำให้อุตสาหกรรมยาสูบที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ คือ บัลการ์ทาแบคเกือบจะล้มละลาย

นอกจากการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะและการเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แล้ว การห้ามโฆษณายาสูบก็อาจมีผลด้วยเช่นกันในการลดการสูบบุหรี่ หลังจากที่สหภาพยุโรปห้ามโฆษณายาสูบทางทีวีในปี 2533 ก็ได้ขยายขอบเขตไปทางวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และอินเตอร์เน็ตในปี 2546 สหภาพยุโรปยังได้ใช้จ่ายเงินนับพันล้าน ในการรณรงค์ให้การศึกษาเพื่อคนหนุ่มสาวเกี่ยวกับอันตรายของยาสูบ

นโยบายอันชาญฉลาดเหล่านี้กำลังจะเกิดดอกออกผล ตามที่จำนวนคนสูบบุหรี่ลดลงในสหภาพยุโรปจาก 30% ในปี2545 เป็น 27% เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงปี 2548 ยิ่งไปกว่านั้น 80% ของชาวยุโรปอยากเห็นการห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะต่างๆ ด้วยพระพรที่มีอย่างต่อเนื่องของท่านอาจารย์ ยุคทองจะได้รับการเฉลิมฉลองในฐานะที่เป็นยุคที่มีความสุข มีสุขภาพ และไร้ควันบุหรี่!

 

ข้อมูลอ้างอิง:
เว็บไซต์ 1 เว็บไซต์ 2 เว็บไซต์ 3 เว็บไซต์ 4 เว็บไซต์ 5 เว็บไซต์ 6 เว็บไซต์ 7