อาจารย์กล่าว

สงวนโอกาสอันมีค่า
ที่จะได้รับความสำเร็จทางจิตวิญญาณ

 

ปราศรัยโดยอนุตราจารย์ชิงไห่
แมดริด สเปน
วันที่ 5 พฤษภาคม 2542(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วีดีทัศน์ #644

กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ในจักรวาลและในโลกใบนี้ พระเจ้าได้สร้างสิ่งต่างๆ มากมาย เพื่อให้ความบันเทิงแก่ลูกๆ ของพระองค์ ทั้งสิ่งของที่เป็นวัตถุและสิ่งของที่เป็นนามธรรมด้วย สิ่งของที่เป็นวัตถุนำความสบาย ความมั่งคั่ง และความพอใจทางโลกมากมายให้แก่เรา และในอีกด้านหนึ่ง ความรู้ทางจิตวิญญาณที่เป็นนามธรรมก็นำความสุขและชีวิตนิรันดร์มาให้เรา

ในขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่แห่งโลกใบนี้ พี่ชายพี่สาวบางคนของเราก็ประสบความสำเร็จในด้านวัตถุ และบางคนก็ประสบความสำเร็จในด้านจิตวิญญาณ บางคนก็ประสบความสำเร็จทั้งสองด้าน ในขณะที่บางคนก็โชคไม่ดี ล้มเหลวทั้งสองด้าน คนที่ประสบความสำเร็จในด้านวัตถุก็เพลิดเพลินกับความสบายทางวัตถุ จนบางครั้งก็มีผลข้างเคียงที่ทำให้พวกเขาลืมพระพรทางจิตวิญญาณซึ่งพระเจ้าได้เก็บเอาไว้ในพวกเราทุกคน และคนที่ประสบความสำเร็จเฉพาะด้านจิตวิญญาณอย่างเดียว บางครั้งก็ไม่สนใจในด้านวัตถุ สิ่งนี้สามารถสร้างผลข้างเคียงอีกอย่างสำหรับคนที่มองดูพวกเขา มันทำให้พวกเขาเกิดความเห็นว่า การดำเนินรอยตามพระเจ้า และการบำเพ็ญทางจิตวิญญาณหมายถึงการไปสู่ความยากจน และสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งสองด้าน คือ ด้านวัตถุและด้านจิตวิญญาณ ก็อาจจะมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน คือคนจะคิดว่า “นี่เป็นลูกศิษย์พระเจ้าแบบไหนกัน? เขาดูร่ำรวย เขาดูไม่เหมือนพระสงฆ์เลย!”

เพราะฉะนั้นก็จะมีผลข้างเคียงเสมอในทุกๆ เรื่อง เพราะจิตของเราคุ้นเคยกับสิ่งที่สุดโต่งด้านหนึ่งหรืออีกด้านหนึ่ง หายากนักที่เราจะสามารถทำให้แง่มุมด้านวัตถุและจิตวิญญาณเป็นกลาง เพื่อทำให้ชีวิตสมบูรณ์สำหรับตัวเรา พวกเราบางคนสามารถเลือกที่จะให้ได้มาซึ่งความสำเร็จทั้งทางวัตถุและจิตวิญญาณ มันขึ้นอยู่กับตัวเราจริงๆ เพราะเราเป็นบุตรของพระเจ้า เราสามารถเลือกสิ่งที่เราต้องการได้ แต่เราต้องรู้วิธี การเลือกที่จะประสบความสำเร็จในโลกวัตถุ เราจำเป็นต้องทำงานหนัก เราจำเป็นต้องรู้จักเทคนิคในการทำธุรกิจ เราจำเป็นต้องลงทุนในโอกาส เพื่อทำเงินให้มากขึ้น แล้วเราก็ต้องมีโอกาส มีสถานที่ที่ถูกต้อง มีเส้นสายกับคนที่ถูกต้อง และลงทุนให้ถูกทาง

การจะประสบความสำเร็จในความรู้ทางจิตวิญญาณของพระเจ้า เราก็ต้องทำแบบเดียวกัน เราจะต้องหาโอกาสที่เหมาะสมและคบหากับคนที่ถูกต้อง คนที่รู้เส้นทางด้านจิตวิญญาณที่ไปหาพระเจ้า และสามารถช่วยเราให้จำทางที่เราได้ลืมไปแล้ว และเรื่องตลกก็คือ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการบำเพ็ญทางจิตวิญญาณแล้ว เราก็มักจะได้รับความสำเร็จทางด้านวัตถุด้วยเช่นกัน เหตุนี้ในไบเบิ้ลจึงกล่าวว่า “จงค้นหาอาณาจักรพระเจ้าก่อน แล้วสิ่งอื่นก็จะมาหาเธอ” (แมทธิว 6:33) ในตอนนั้นเราสามารถเลือกที่จะเป็นผู้ละทางโลกและเพิกเฉยวัตถุทางโลก หรือเราสามารถเลือกที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ และใช้ประโยชน์เหล่านี้เพื่อช่วยพี่ๆ น้องๆ ของเราที่ด้อยโอกาส รวมไปถึงตัวเราด้วย

พวกเราบางคนอาจจะอิจฉานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่เราไม่ได้ตระหนักว่า พวกเขาต้องทำงาน ใช้พลังงาน เวลา และอุทิศเสียสละมากแค่ไหนในธุรกิจของพวกเขา เพื่อให้ได้รับสิ่งที่พวกเขามีกัน เพียงแค่วัตถุที่ไม่จีรัง สิ่งของที่ถูกทำลายได้เหล่านี้ซึ่งไม่ถาวร บางครั้งเราทำงานวันละ 8,10,12 หรือ 14 ชั่วโมง เราลืมภรรยาของเรา เราลืมลูกของเรา ลืมเพื่อนของเรา และบางครั้งก็เครียดทางจิตใจและล้มป่วย แก่เร็ว และมีความไม่สบายต่างๆ เพียงแค่ให้ได้รับความสำเร็จทางวัตถุ และแน่นอนเราก็ลืมพระเจ้าด้วย คนส่วนใหญ่เมื่อพวกเขามีงานยุ่งมากเกินไปก็ถึงกับลืมตัวเองด้วย

เอาละ ตอนนี้เรามาพูดถึงด้านจิตวิญญาณกัน เราต้องทำงานมากแค่ไหน เพื่อจะประสบความสำเร็จในการตระหนักรู้ในพระเจ้า ในการได้อาณาจักรของจักรวาลทั้งหมดกลับคืนมาให้ตัวเรา? มีงานมากแค่ไหน? เกือบไม่มีเลย ไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องพยายาม ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีอะไรทั้งสิ้น! ไม่มีขาดทุน ไม่มีความเสี่ยง มีแต่ได้ เพราะอะไรหรือ? ก็เพราะว่าเราคือบุตรของพระเจ้าไงล่ะ เรามีมันอยู่แล้ว! อะไรก็ตามที่เรามีอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเรา เราก็ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อมัน เธอไม่ต้องจ่ายเงินสำหรับหนังของเธอ เธอไม่ต้องจ่ายเงินสำหรับผมของเธอ เธอไม่ต้องจ่ายเงินสำหรับยิ้มอันสวยงามของเธอ มันมีของมันอยู่แล้ว

ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าอยู่ภายในตัวเรา คัมภีร์ศาสนาทั้งหลายกล่าวว่า พระเจ้าอยู่ภายในตัวเรา นั่นก็หมายความว่า เราคือพระเจ้า มันหมายความว่า เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าหรืออย่างน้อยที่สุดเราก็คือบุตรของพระเจ้า ลูกของพระผู้สูงสุด พระผู้ทรงพลานุภาพ พระผู้ทรงรอบรู้ทุกอย่าง พระผู้ทรงเห็นทุกอย่าง พระผู้มีทุกอย่าง พระผู้ทรงพลัง ดังนั้นเพื่อให้ได้กลับคืนมาซึ่งความตระหนักรู้ว่า จริงๆแล้วเราคือใคร เราสามารถยิ่งเพียงไร เราก็จะต้องรู้ว่าจะเอามันกลับคืนมาได้อย่างไร ในการประสบความสำเร็จในโลกวัตถุ เราต้องรู้วิธีการทำธุรกิจ ทำนองเดียวกัน ในการประสบความสำเร็จในโลกทางด้านจิตวิญญาณ เราก็ต้องรู้วิธีที่จะติดต่อแหล่งแห่งพลังทางจิตวิญญาณทั้งมวล

เราคือบุตรของพระเจ้า เราไม่อาจที่จะพึงพอใจที่จะมีชีวิตยากจน มีชีวิตที่ทุกข์ลำบาก ชีวิตที่ไม่มีความสุข หรือชีวิตที่ช่วยตัวเองไม่ได้ หรือไร้ซึ่งพลัง ร้องขอทุกอย่างและไม่ได้อะไรเลย เราต้องการพิสูจน์ให้เรารู้ถึงสิ่งที่ไบเบิ้ลได้กล่าวไว้ว่า “เธอคือบุตรของพระเจ้า” (จอห์น 3:1-10) ว่าพระเจ้าอาศัยอยู่ภายในตัวเธอ และอะไรก็ตามที่เธอต้องการ “เคาะ แล้วประตูจะเปิดออก ขอ แล้วมันก็จะถูกมอบให้แก่เธอ” (แมทธิว 7:6-8) เราต้องการพิสูจน์เรื่องนี้กับตัวเอง เพราะเราต้องการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า และนั่นคือวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะถวายพระเกียรติแด่พระองค์ ไม่ใช่ด้วยการโค้งคำนับพระองค์วันละร้อยครั้ง ไม่ใช่ด้วยการอดอาหาร ไม่ใช่ด้วยการพูดเสียงดังกับพระองค์ ไม่ใช่ด้วยการพิสูจน์ว่าพระองค์ประเสริฐ แต่โดยการประสบความสำเร็จในชีวิตด้านจิตวิญญาณของเรา รวมไปถึงชีวิตด้านวัตถุของเรา เราได้ถวายพระเกียรติแด่พระบิดาของเรา เราได้พิสูจน์ว่า พระองค์มีตัวตน

มันฟังดูเหมือนกับงานที่ใหญ่มาก แต่ไม่มีอะไรมากนักที่จะต้องทำ ยกตัวอย่าง ถ้าฉันมีแหวนอยู่บนนิ้วของฉันและฉันต้องการดูมัน ฉันก็ถอดมันออกและมองดูมัน ง่ายแบบนั้นแหละ การรู้จักพระเจ้าก็ง่ายแบบนี้! ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อสอนอะไรใหม่แก่เธอหรือมาเป็นครูของเธอ ฉันแค่มาที่นี่เพื่อย้ำเตือนเธอว่าจะพิสูจน์ว่าพระบิดาของเรารักพวกเราทุกคนอย่างเท่าเทียมกันอย่างไร เพื่อพิสูจน์ว่า พระบิดาของเราในสวรรค์เป็นพระผู้ทรงพลานุภาพจริงๆ และเราคือบุตรของพระองค์จริงๆ

ในการทำเช่นนั้น เราเพียงแต่ต้องเงียบสักชั่วครู่ในชีวิตของเรา แทนที่จะนอนอยู่ตรงนั้นไม่ทำอะไรเลย เราควรรู้จักวิธีที่จะรวมสมาธิ แล้วเราก็จะสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้ ตอนแรกเราจะเห็นพระเจ้านิดหน่อย แล้วจากนั้นเราก็จะได้เห็นพระเจ้ามากขึ้นๆ ในแต่ละวันที่เราสื่อสารกับพระองค์ แล้วเราก็จะมีความสุขมากขึ้นทุกๆ วัน ฉลาดมากขึ้นทุกๆ วัน พึงพอใจมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น รู้แจ้งมากขึ้น มากขึ้นในทุกๆ อย่าง! แล้วในที่สุดวันหนึ่งเราก็จะจำได้อย่างสมบูรณ์ว่าเราคือใคร แล้วเราก็จะสามารถประกาศเหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าได้ประกาศว่า “ฉันและพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน” (จอห์น 10:30)

พวกเราแต่ละคนสามารทำสิ่งนี้ได้ เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ถ้าเธอต้องการจำเรื่องนี้ให้ได้อีกครั้ง ฉันก็เต็มใจที่จะใช้เวลาและความพยายามเพื่อช่วยเธอ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก