คำถามและคำตอบที่เลือกสรรแล้ว

ประทับจิตบำเพ็ญกับมหาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
จึงจะสำเร็จเป็นพุทธได้

 

ปราศรัยธรรมโดยอนุตราจารย์ชิงไห่
ที่ไถหนัน ฟอร์โมซา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2532
(ต้นฉบับเป็นภาษาจีน) เอ็มพี3-ซีแอล 05

 

ถ: เรียนถามท่านอาจารย์ ศาสนาพุทธมีคำสอนว่า “ วางมีดฆ่าลง จะสำเร็จเป็นพุทธทันที แล้วทำไมพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญนาน 3 กัลป จึงสำเร็จเป็นพุทธได้ มันมีความสับสนหรือไม่?“

อ: เป็นเพราะคำพูดของพุทธโพธิสัตว์ พวกเราไม่เข้าใจ การวางดาบฆ่าใช่ว่าจะสำเร็จเป็นพุทธได้เสมอไป ถ้าหากพวกเราไม่ได้ค้นพบพุทธ แม้พวกเราจะวางดาบฆ่า 100 ด้าม ก็ไม่มีประโยชน์! แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้ถือดาบฆ่าก็สำเร็จเป็นพุทธไม่ได้ แล้วจะไปเอาอะไรกับคนที่วางดาบฆ่าเล่า? ความหมายของคำนี้คือ ถ้าพวกเราได้พบกับมหาอาจารย์ที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ พวกเราสำนึกผิดและวางดาบฆ่าลง มหาอาจารย์ล้างกรรมให้กับพวกเรา ไม่ว่ากรรมอะไรท่านก็ล้างให้จนสะอาด ทำเช่นนี้ พวกเราจึงจะสำเร็จเป็นพุทธได้ เพราะพุทธอยู่ที่ใจ ดังนั้นจึงสำเร็จได้ เป็นพุทธง่าย ถ้าพวกเราไม่รู้จัก(พุทธอยู่ในใจ) ต่อให้พวกเราจะบำเพ็ญเป็นหมื่นๆ กัลปก็สำเร็จเป็นพุทธไม่ได้ 3 กัลปจะสำเร็จได้อย่างไร! มันน้อยเกินไป ดังนั้นต้องเข้าใจว่า เมื่อได้พบกับมหาอาจารย์ ไม่ว่ากรรมอะไรก็ล้างได้ สำเร็จเป็นพุทธทันที ถ้าไม่ได้พบกับมหาอาจารย์ บำเพ็ญเป็นกัลปก็ไม่มีประโยชน์! พระพุทธเจ้าอาจไม่ได้พบกับมหาอาจารย์เป็นเวลา 3 กัลป ดังนั้นจึงสำเร็จเป็นพุทธไม่ได้

ถ: ถ้าไม่ได้ประทับจิตจะไม่สามารถหลุดพ้นและสำเร็จเป็นพุทธใช่หรือไม่?

อ: หลุดพ้นได้ สำเร็จเป็นพุทธยากมาก คนที่ไม่ได้ประทับจิต จะไม่ทราบว่าจะเดินไปทางไหน ไม่ทราบว่าตำแหน่งอะไรคือพุทธ ไม่ทราบว่าทุกวันจะพัฒนาจิตพุทธตัวเองได้อย่างไร จะเปิดปัญญาตัวเองได้อย่างไร ถ้าเธอได้พบกับมหาอาจารย์ท่านหนึ่ง แล้วเธอไม่ได้ประทับจิตกับท่าน แต่เธอชอบท่าน ในใจเธอเคารพท่าน ติดต่อกับท่านได้ เป็นเช่นนี้ก็หลุดพ้นได้ เป็นการประทับจิตแบบเงียบๆ การประทับจิตอย่างเป็นทางการก็คือมาเรียนกับท่าน แล้วจึงจะสำเร็จเป็นพุทธได้ หรือญาติมิตรของเธอมีประทับจิต เธอก็จะได้รับการหลุดพ้นเช่นกัน แต่ต้องดูกรรมของแต่ละคนด้วย

 

วิทยาศาสตร์ ศาสนา และความเมตตา

ถ: นักวิทยาศาสตร์ประดิษฐ์สิ่งของบางอย่างเพื่อความสุขของมนุษย์ ทำเช่นนี้ถือว่ามีเมตตาใช่หรือไม่? เหมือนกับนักศาสนาที่ว่ามีจิตเมตตาใช่หรือไม่? วิทยาศาสตร์สามารถดูแลมนุษย์ใช่หรือไม่?

อ: วิทยาศาสตร์ดูแลทางด้านวัตถุอย่างเดียว แต่พวกเราก็ต้องการนักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเมื่อทุกคนเชื่อถือศาสนาแล้ว จะตั้งใจบำเพ็ญ และไม่ใช่ทุกองค์กรศาสนาได้สอนให้คนบำเพ็ญ องค์กรศาสนาส่วนมากจะสอนเรื่องทฤษฎี เช่น เธอต้องเป็นคนดี มีสวรรค์ มีนรกต่างๆ เป็นต้น พวกเขาไม่ได้สอนให้คนจะไปสวรรค์ได้อย่างไร และหลีกเลี่ยงนรกได้อย่างไร

ดังนั้น จึงต้องการวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์ดูแลด้านวัตถุทางโลก คนจำนวนมากยังคงจับโลกแห่งโลกีย์นี้ไว้แน่น ชอบสิ่งที่เป็นวัตถุมาก แม้บางคนได้บำเพ็ญแล้ว แต่ยังไม่ได้บรรลุธรรม พวกเขายังคงต้องการเครื่องมือวิทยาศาสตร์มาอำนวยความสะดวกเพื่อให้ชีวิตอยู่สบาย ดังนั้น จึงต้องการวิทยาศาสตร์ แต่ถ้านักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำด้วยใจรัก ก็จะไม่เหมือนกับศาสนา บางครั้งนักวิยาศาสตร์ประดิษฐ์อะไรขึ้นมา เป็นเพราะความอยากรู้ เพราะตัวเองชอบทำเช่นนั้น ไม่ได้มีความประสงค์จะดูแลมนุษย์ ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์บางคนอาศัยความฉลาดของตัวเอง ประดิษฐ์สิ่งที่ไม่ดีหลายอย่าง ศาสนาจะต่างกัน ศาสนาตั้งแต่ต้นจนจบ ทำเพื่อให้สรรพสัตว์มีความสุข ทำเพื่อความรักความเมตตา ดังนั้น ทั้งสองที่กล่าวมานี้จึงไม่เหมือนกัน