รายงานโดยกลุ่มข่าวทั่วโลก
วันที่ 26 พฤศจิกายน-วันที่ 2 ธันวาคมปีทองที่ 3 (2549) สมาชิกครอบครัวกวนอิมได้มาพบกันครั้งยิ่งใหญ่ ณ โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของประเทศไทย เพื่อนบำเพ็ญ 20,000 กว่าคนที่มาจากสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้เข้าร่วมงานที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้ มาพบกับท่านอาจารย์ที่เมตตาของพวกเรา วันที่ 24 พฤศจิกายน เพื่อนบำเพ็ญส่วนใหญ่ที่จะมาถึงก่อน 1 วัน น้ำอมฤตได้ตกลงมาจากฟ้า หลังฝนตกบรรยากาศถูกชำระล้างจนสะอาด เป็นการเตรียมความพร้อมที่ระหว่างศิษย์กับท่านอาจารย์จะมาพบกันในงานฌาน 7 ตลอดระยะเวลาของงาน อากาศสบายอบอุ่น ห้องนั่งสมาธิที่เย็นสบายแต่ละห้อง เป็นสถานที่บำเพ็ญฌานที่ดีทั้งสงบเงียบของเพื่อนบำเพ็ญ
วันที่ 25 พฤศจิกายน : อาจารย์กับศิษย์ได้มาพบกันต่างแสดงออกถึงความคิดถึงที่จากกันมานาน
วันที่ 26 พฤศจิกายน : วันที่โชคช่วงชัชวาล
เช้าตรู่ท่านอาจารย์มาที่ห้องนั่งสมาธิไดมอนด์ เพื่อให้พรกับเพื่อนบำเพ็ญที่นั่งสมาธิโต้รุ่ง 6 โมงเช้า ท่านอาจารย์ใส่ชุดสีขาวหิมะ ปรากฎกายในรถพักผ่อนสีขาวทางหน้าต่างรถ ท่านอาจารย์โบกมือทักทายลูกศิษย์ที่อยู่ข้างทาง เสียงปรบมือกับเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ แสดงออกถึงความปรารถนาของเพื่อนบำเพ็ญที่อยากมาพบกับท่านอาจารย์ ขณะนั้น ท่านอาจารย์สำรวจเพื่อนบำเพ็ญที่เดินทางจากทวีปต่าง ๆ เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เมื่อใกล้เวลาเที่ยง ท่านอาจารย์ใส่ชุดประจำชาติเวียตนามสีเขียวสด มาพบกับเพื่อนบำเพ็ญชาวเอาหลากกับฟอร์โมซา ท่านอาจารย์ตอบคำถามด้วยความเมตตาให้กับเพื่อนบำเพ็ญ พร้อมกล่าวว่า "ขอเพียงให้พวกเรานั่งสมาธิบำเพ็ญ มีปัญญา มีพลังพร ประเทศก็จะมีความสงบสุข ปัญหาต่าง ๆ ก็จะหายไปเอง ทุก ๆ ด้านก็จะเปิดเผยออกมา ปลดปล่อย ไม่ต้องไปทำเรื่องปฏิวัติรัฐประหารอะไร การโจมตีซึ่งกันและกันนั้นสร้างความแค้นกัน มันไม่มีประโยชน์ มันเสียเวลาเปล่า ๆ พวกเราไม่สามารถหนีกฎแห่งกรรมได้ ชีวิตของพวกเราไม่ใช่มีเพียงวันนี้และชาตินี้เท่านั้น มันต้องมีต่อไป ถ้าพวกเราไปฆ่าผู้อื่น สักวันหนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามก็จะหวนกลับมาฆ่าพวกเรา ถ้าไม่ได้เกิดขึ้นในชาติหน้า ก็จะเกิดขึ้นในชาติต่อ ๆ ไป ไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้น ทางที่ดีพวกเราควรจะให้อภัย ยอมรับผู้อื่น ทำเช่นนี้จึงจะสามารถนำความสันติสุขมาสู่ประเทศชาติและมวลมนุษย์ ความแค้นกับความขัดแย้งไม่สามารถนำความสันติสุขมาสู่ประเทศชาติได้ พวกเรายิ่งบำเพ็ญ ประเทศชาติก็จะยิ่งพัฒนา ยิ่งเจริญรุ่งเรือง และจะเปิดเผยปลดปล่อยยิ่งขึ้น" ![]()
วันที่ 27 พฤศจิกายน : ทางโรมแรมจัดห้องใหญ่
ที่สามารถบรรจุคนได้ 7-8 พันคนมาให้พวกเรา เจ้าหน้าที่ทางศิลปะ เครื่องเสียง กับเจ้าหน้ากลุ่มงานอื่นต่างช่วยกันจัดการตกแต่งห้องนั่งสมาธิรักและศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งคืน บนเวทีปราศรัยธรรมตกแต่งด้วยตัวจานบินสีทอง เป็นสัญลักษณ์ที่ลึกลับของดวงดาวแห่งจักรวาล ตรงกลางแขวนภาพท่านอาจารย์ที่ใส่ชุดไทย ด้านบนติดตัวหนังสือ "นั่งสมาธิเพื่อความสันติสุขของโลก" เป็นหัวข้อเรื่องในการจัดงานฌานครั้งนี้ เที่ยงวัน ท่านอาจารย์ก้าวผมใส่ชุดสีชมพูที่สูงส่งมาพบเพื่อนบำเพ็ญประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ห้องนั่งสมาธิ ท่านอาจารย์กล่าวว่า "งานฌานได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว อวยพรให้บำเพ็ญก้าวหน้า" งานฌานแห่งศตวรรษที่ยิ่งใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่มโหฬาร เพื่อนบำเพ็ญเข้าสู่ดินแดนของสมาธิ มีความสุขอยู่ในความเมตตากรุณาธิคุณของพระเจ้าและพระโพธิสัตว์!
เดิมทีท่านอาจารย์อยากให้เพื่อนบำเพ็ญคนอื่น ๆ มีโอกาสมาที่ค่ายพบท่านอาจารย์ด้วยกัน แต่เป็นเพราะทางค่ายเพิ่งจะหาพบ การจัดเตรียมหลายอย่างยังไม่เพียงพอ เพื่อให้ทุกคนมีความสบาย และเพื่อโรมแรมแอมบาสเดอร์ ที่มาเชิญท่านอาจารย์กลับไป ดังนั้น บ่ายวันที่ 28 พฤศจิกายน ท่านอาจารย์ให้ทุกคนกลับไปที่โรงแรมใหม่อีกครั้ง ก่อนจากไปท่านอาจารย์เรียกทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อประกาศให้ทุกคนทราบ ท่านอาจารย์จึงนั่งรถจากไปก่อน ขณะนั้น ท่ามกลางแสงแดดฝนได้ตกลงมาเป็นฝอย ๆ
วันที่ 28 พฤศจิกายน : งานพบปะกันขึ้นสู่บรรยากาศที่คึกคักสูงสุด
ท่านอาจารย์กล่าวต่ออีกว่า ผู้นำประเทศทุกระบบงานต่างมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ ท่านอาจารย์บอกว่า ท่านขอบคุณระบบสังคมของชาวอิสลาม เพราะระบบนี้ได้คุ้มครองประชาชน พ้นจากการถูกทำร้ายจากโลกนี้ ประเทศอิสลามมีเรื่องขโมยกับเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศน้อยกว่า ท่านอาจารย์บอกกับเพื่อนบำเพ็ญว่าต้องขอบคุณทางรัฐบาล เพราะอย่างน้อยสตรีของพวกเขาจะปลอดภัยกว่า ท่านอาจารย์เชื่อว่า รัฐบาลอิสลามจะรู้สึกว่า เพื่อนบำเพ็ญอยู่กับท่านอาจารย์ด้วยกันจะมีความปลอดภัย เพราะพวกเราก็ได้ใช้ชีวิตตามคำสอนของคัมภีร์อิสลาม
วันที่ 29 พฤศจิกายน : การนั่งสมาธินำความสันติมาสู่โลก
ท่านอาจารย์ผู้มีเมตตาตั้งใจฟังคำถามจากเพื่อนบำเพ็ญ และอธิบายให้เข้าใจได้อย่างเหมาะสมกับกาลเวลา ในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นเป็นสุขระหว่างศิษย์กับอาจารย์ ผู้เข้าร่วมงานจะจดจำห้วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับมหาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีวันลืม! สุดท้ายท่านอาจารย์เชิญชวนทุกคนชมภาพยนตร์งานมอบรางวัลสันติภาพโนเบลจากประเทศฟิลิปปินส์ สุดท้ายท่านอาจารย์มอบตุ๊กตาผ้าที่มีขนปุยให้กับเพื่อนบำเพ็ญน้อยทุกคน แต่ละตัวจะไม่เหมือนกัน เพื่อนบำเพ็ญรับของขวัญจากมือท่านอาจารย์ ทุกคนดีอกดีใจ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขได้ยินทั่วห้องนั่งสมาธิ หลังจากนั้น ท่านอาจารย์ได้ออกมาปรากฏตัวอีกครั้ง ด้วยเสื้อผ้าชุดเกาหลีที่มีสีเหลืองสด เพื่อตอบคำถามเพื่อนบำเพ็ญประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง ท่านอาจารย์ตั้งใจฟังอย่างอดทน พร้อมตอบคำถามเพื่อนบำเพ็ญ บางครั้งด้วยวาทะศิลป์ที่ยอดเยี่ยม เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างไม่ขาดสาย เพื่อนบำเพ็ญชาวประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนบางคนรายงานว่า พวกเขาให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในท้องถิ่น ไปช่วยเหลือคนยากจนบางเขต ท่านอาจารย์ดีใจที่ได้ทราบข่าวดีดังกล่าว ท่านเตือนพวกเราเกี่ยวกับความก้าวหน้าของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ พร้อมบอกให้เพื่อนบำเพ็ญต้องอดทน ท่านอาจารย์บอกว่า พวกเราทำงานการกุศลอย่างเงียบ ๆ มาตลอด ถ้าหากสามารถทำอย่างเปิดเผย ก็ดีเหมือนกัน ท่านเตือนพวกเราต้องนั่งสมาธิ ทำเช่นนี้สามารถนำสันติภาพ ก้าวหน้ากับการยกระดับจิตวิญญาณมาสู่โลกได้ ท่านอาจารย์ชี้ว่า พลังของพวกเรายิ่งใหญ่มาก พวกเราต้องการอะไร จะเป็นความจริงทั้งหมด ดังนั้น พวกเราต้องสำรวจตัวเองตลอดเวลา เพื่อรักษาความคิดที่เป็นบวก ![]()
วันที่ 30 พฤศจิกายน : วันซาบซึ้งพระกรุณาธิคุณที่แท้จริงกับของขวัญจากสวรรค์
ตอนบ่าย ท่านอาจารย์ใส่ชุดสมัยจีนคณะชาติที่มีสีเขียว มาพบเพื่อนบำเพ็ญต่างชาติกับเพื่อนบำเพ็ญกลุ่มทำงาน เพื่อนบำเพ็ญชาวสหรัฐอเมริกาคนหนึ่งขอบคุณท่านอาจารย์มาก ทำให้เขาได้มีเทศกาลขอบคุณพระเจ้าที่แท้จริง มาอยู่กับท่านอาจารย์ที่นี่ นั่งสมาธิเงียบ ๆ เพื่อขอบคุณพระเจ้า เทียบกับรับประทานอาหารไก่งวงที่สหรัฐอเมริกา เพื่อให้ไก่งวงนำความขอบคุณไปให้กับพระเจ้าดีกว่ามากที่เดียว ท่านอาจารย์บอกว่า พวกเราใช้วิธีของพวกเรามาอธิษฐาน ในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า สุดท้ายท่านอาจารย์กล่าวว่า หลายวันที่ผ่านมา ทุกคนถูกยกระดับให้สูงขึ้นในระดับหนึ่ง ดังนั้น ท่านเตรียมมอบของขวัญที่มีค่าให้กับพวกเรา คืนวันนั้น ทุกคนต่างได้สัมผัสกับพลังแห่งจิตวิญญาณซึ่งเป็นของขวัญอันล้ำค่า
งานราตรีที่ทุกคนรอคอยได้เปิดฉากขึ้น เพื่อนบำเพ็ญจากประเทศต่าง ๆ สวมใส่ชุดประจำชาติมาร่วมงานกัน เหมือนกับงานพบปะสังสรรค์ในแดนสวรรค์ จากเสียงดนตรีที่เต้นไปตามจังหวะ ก้าวพ้นกำแพงที่กั้นเชื้อชาติและสีผิว ดนตรีกับการเต้นรำประจำชาติที่มีจุดเด่นของเชื้อชาติต่าง ๆ จากเทคนิคแสง สี เสียงในยุคปัจจุบัน ภายใต้แสงสีต่าง ๆ ที่หมุนเวียน ปรากฏการแสดงที่ก้าวล่วงกาลเวลา พรมแดน และอยู่เหนือชั้นของความชำนาญ คำชม เสียงปรบมือกับเสียงกรี๊ดดังไม่ขาดสาย
วันที่ 2 ธันวาคม : หน้าที่ที่ไม่น่าจะทำได้ ได้สำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์
เพื่อนบำเพ็ญนั่งสมาธิต่อไป ตอนบ่ายได้มีประกาศ ท่านอาจารย์จากไปก่อนกำหนด เพราะมีงานสำคัญ ที่สนามบิน ท่านอาจารย์เป็นห่วงเพื่อนบำเพ็ญที่มางานฌาน 20,000 กว่าคน ดังนั้นจึงโทรศัพท์มากล่าวว่า ใจของอาจารย์อยู่กับใจของทุกคน กายเนื้อจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม ภายในเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ ท่านอาจารย์มาพบทุกคนซึ่งเป็นงานที่สำคัญที่สุดได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว นั่นก็คือมอบของขวัญที่ล้ำค่าให้กับทุกคน ท่านอาจารย์ได้เน้นว่า ท่านรักพวกเราตลอดไป พร้อมเตือนทุกคนกลับบ้านต้องหมั่นนั่งสมาธิ เพื่อให้จักรวาลนี้ยกระดับยิ่งขึ้น เพื่อนบำเพ็ญตอบสนองด้วยเสียงปรงมือที่ดังสนั่น ขอบคุณอาจารย์แม่ที่ต้องทำทุกอย่างทั้งเป็นรูปธรรมและไร้รูป จึงจะทำให้การประชุมที่ยิ่งใหญ่นี้จบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ ขอบคุณพลังของพระเจ้าที่ดูแลทุกอย่างครบถ้วน เพื่อให้งานที่เป็นไปไม่ได้สำเร็จลุล่วงไป! คืนนั้น จัดพิธีบริจาคเงินที่เรียบง่ายขึ้นที่ห้องนั่งสมาธิ เพื่อนบำเพ็ญทำตามคำแนะนำท่านอาจารย์ นำเอาเงินที่เหลือจากการจัดฌานจำนวน 20,000 เหรียญสหรัฐ บริจาคให้กับครอบครัวตำรวจที่ยากจนในท้องถิ่น คุณพิทักษ์ ศรีตัง เป็นผู้รับแทน เขาขอบคุณความรักของท่านอาจารย์และเพื่อนบำเพ็ญมาก นักข่าวในพื้นที่ได้มาทำข่าวด้วย เป็นตัวอย่างที่แสดงถึง "ความรักไม่มีพรมแดน" ให้กับงานฌานนานาชาติในครั้งนี้ด้วย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฌานที่เหมือนกับบทกวีในประวัติศาสตร์ก็ใกล้จะจบลงแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกสดชื่นร่าเริง เต็มไปด้วยพละกำลัง มีความอิ่มเอิบจากส่วนลึกของใจ ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านเพื่อแบ่งปันความรักของพระเจ้าให้กับพี่น้องแล้ว ทุกคนต่างจดจำห้วงเวลาอันมีค่าที่ได้อยู่ร่วมกับท่านอาจารย์ พร้อมการให้พรไว้ในใจตลอดไป เพื่อให้ตัวเองบำเพ็ญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป และอาศัยบรรยากาศในการนั่งสมาธิและการแบ่งปันความรัก เพื่อให้สันติภาพของโลกมาถึงเร็ว ๆ
|