บนเส้นทางการบำเพ็ญ

 

 

 

การเปลี่ยนแปลงที่สร้างปาฏิหาริย์ ในชีวิตของผม

โดยพี่ประทับจิตชาย โรมัน สโลวะเกีย

 

ช่วงที่ผ่านไปปีแล้วปีเล่าในการเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมมีความทะเยอทะยานและหนึ่งในเป้าหมายหลักคือความร่ำรวยมาก ๆ มีบริษัทของตัวเอง บ้านหลังใหญ่ รถสองสามคัน วันหยุดส่วนตัวที่กีดกันคนนอก เป็นต้น ผมป่าวประกาศในที่สาธารณะ จิตใจของผมเด็มไปด้วยสิ่งนี้และเป็นพลังให้ผมตระหนักถึงมัน ผมทำงานหนักแต่ปราศจากความสำเร็จที่ผิดธรรมดา ผมยังสูญเสียเงินจำนวนมากพยายามลงทุนในการออม หลังจากการสูญเสียทางการเงินครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ผมรู้สึกอ่อนแรงทั้งกายและใจโดยไม่มีทรรศนะหรือจุดหมายสำหรับอนาคต (เว้นแต่การจ่ายหนี้) และความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์

ในขณะนั้น (ธันวาคม 2546) แทนที่การทำงานผมเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งวัน ผมพบคำสอนด้านจิตวิญญาณและข้อความเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ แต่ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมประทับใจจนกระทั่งผมพบเว็บไซต์ท่านอนุตตราจารย์ชิงไห่ ผมไม่สามารถหยุดอ่านมันได้ ผมอ่านหนังสือตัวอย่าง และมากมายบนนิตยสารข่าวออนไลน์ และมากมายเกี่ยวกับธรรมวิถีกวนอิมของการนั่งสมาธิ คำสอนพุ่งตรงเข้าจิตใจผม ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนง่ายมาก กระจ่างมากและเต็มไปด้วยแสง ความรัก และปัญญา

ตั้งแต่เวลานั้นชีวิตผมได้หมุนรอบ 180 องศา การจัดลำดับความสำคัญเก่าก่อนของผมได้ถูกโยนทิ้งไปและแทนที่ด้วยสิ่งใหม่ ผมสามารถเป็นผู้กินมังสวิรัติ ทุก ๆ วันแค่หลังจากการอ่านคำสอนท่านอาจารย์ ก่อนหน้านั้นผมยังสูบบุหรี่ไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอนและบางครั้งดื่มแอลกอฮอล์ที่ปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ของผม ผมรู้สึกว่าสิ่งนั้นมันไม่ถูกและพยายามที่จะเลิกหลายครั้ง แต่ผมไม่ได้ทำมันจริง ๆ แต่ตอนนี้เฉกเช่นเดียวกับการเป็นผู้กินมังสวิรัติ ผมรู้ด้วยว่าผมจะไม่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อีกต่อไป

ครอบครัวของผม พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เป็นต้น อยู่ตามวิถีที่สืบเนื่องกันมาทั้งชีวิตดังนั้นมันยากสำหรับพวกเขาที่ยอมรับหลักและการปฏิบัติของพวกมังสวิรัติของผม โดยเฉพาะเพราะว่าสิ่งทั้งหมดเกิดขึ้นสองสามวันก่อนคริสต์มาส เพื่อนของผมและผู้ร่วมงานก็ไม่เข้าใจมันด้วย

หลังจากนั้นอีกสองสามเดือนของการเป็นผู้กินมังสวิรัติ ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาสำหรับขั้นถัดไป ดังนั้นผมโทรหาศูนย์นั่งสมาธิที่ใกล้ที่สุด (ประมาณ 500 กม.จากเมืองของผม)และเรียนธรรมวิถีสะดวก วันและเดือนหลังจากที่ผมพยายามทำสมาธิ แต่มันค่อนข้างยากสำหรับผมที่จะทำมันเป็นประจำ ผมต่อสู้กับตัวเองและกับผู้คนรอบ ๆ ผม หลังจากความยุ่งเหยิงมากมายและเป็นเวลาหลายเดือน ผมได้ผ่านพ้นสิ่งนั้น แต่ในช่วงนี้ด้วยที่พลังของท่านอาจารย์ของเราช่วยผมและแนะนำผม เพราะผมอ่านมากและมาก ผมพยายามที่ใช้ชีวิตที่ดีขึ้น นั่งสมาธิทุกวันและรักษาศีล อย่างไรก็ตามมันใช้เวลา 2 ปีที่จะได้รับการประทับจิต แต่กระนั้นตามที่ผู้คนรอบ ๆ ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงถาวรในตัวผม พวกเขาก็เปลี่ยนด้วย ยิ่งผมพยายามเปลี่ยนพวกเขาน้อยเท่าไหร่พวกเขายิ่งเปลี่ยนมากขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นแม่ของผม พี่สาว แฟนสาว และเพื่อนร่วมงานคนหนี่งก็กลายเป็นพวกกินมังสวิรัติ พ่อของผมก็เริ่มกินผลไม้มากขึ้นและเนื้อน้อยลง เพื่อนร่วมงานคนอื่นก็บริโภคเนื้อน้อยลงด้วย

ตอนนี้ผมเป็น “ผู้ประทับจิตรุ่นน้อง” และเมื่อผมมองย้อนไปและย่อใจความ ผมไม่มีอะไรจะพูดแต่ "ขอบคุณท่านอาจารย์ผู้เป็นที่รัก