เทคโนโลยียุคทอง

หุ่นยนต์ผู้ร่วมในงานช่วยชีวิต

 


ด็อกเตอร์โรบิน เมอร์ฟี่กับหนึ่งในหุ่นยนต์ของเธอ

โดยพี่ประทับจิตหญิงลอน่า ซานโฮเซ่ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)


นอกจากการเป็นศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ กับวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระบบประสาทและการรับรู้ ณ มหาวิทยาลัยเซาธ์ฟลอริด้าแล้ว ด็อกเตอร์ โรบิน อาร์ เมอร์ฟี่ ก็ยังเป็นผู้อำนวยการของศูนย์สำหรับการค้นหาและช่วยชีวิตที่มีหุ่นยนต์เป็นผู้ช่วยของมหาวิทยาลัย (CRASAR) และเพียง 2 วันนับจากพายุเฮอริเคนแคทรีน่า กระหน่ำชายฝั่งทะเล ยานถ่ายภาพทางอากาศที่ไม่มีมนุษย์ (UAVs) ของเธอก็ได้ช่วยในการบรรเทาทุกข์ในเพอร์ลิงตันและเบย์ ในเซ็นหลุยส์ รัฐมิสซิสซิปปี้ ยานหุ่นยนต์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เครื่องมือที่มีค่าในการช่วยชีวิตโดยการสแกนภาพตอนบนของหลังคา สำหรับผู้เคราะห์ร้ายที่ยังติดค้างอยู่ และในการช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บ (โดยทำการเลือกผู้ป่วยที่ต้องการการนำส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตพวกเขา ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้ที่สามารถรอการช่วยเหลือในภายหลัง)

ศูนย์ CRASAR ได้พบกับอุปสรรคมากมายในทำนองเดียวกันกับกลุ่มอื่น ๆ มากมายที่พยายามเข้าไปในนิวออลีนส์ด้วยความหวังที่จะช่วยเหลือในงานบรรเทาทุกข์แคทรีน่า อย่างไรก็ดี เพื่อนของ ดอกเตอร์เมอร์ฟี่ยาน UAVs ก็ได้ภาพถ่ายจากที่สูงของเพอร์ลิงตันซึ่งได้ถ่ายทอดภาพที่แสดงให้เห็นว่า น้ำท่วมในพื้นที่ได้ลดลงและไม่มีใครติดอยู่บนหลังคา สิ่งนี้เป็นข้อได้เปรียบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่สามารถประเมินสถานการณ์ของเมืองได้เนื่องจากความโกลาหลอันเกิดจากการขโมยรถ การปล้นสะดม และการยิง

ยาน UVA ตัวหนึ่งเล็กพอที่จะสามารถใส่ในกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ และสามารถประกอบและปฏิบัติงานในเวลาเพียง15นาทีเท่านั้น ยานนี้มีอุปกรณ์ทันสมัยเช่น กล้องถ่ายรูป ไมโครโฟน และตัวเซ็นเซอร์ ซึ่งจะให้ข้อมูลสำคัญ ๆ แก่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทำงานได้ดีที่สุดที่ระดับความสูง 100-400 ฟุต-แค่เหนือกว่าระดับต้นไม้ แต่ต่ำกว่ายานอวกาศที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ดังนั้นจึงไม่ต้องได้รับอนุญาตจาก FAA ในการใช้ ยาน UVA ชนิดหนึ่งได้ถูกออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้ “ภาพขนาดใหญ่” ของพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย และยานอวกาศอีกชนิดหนึ่งจะคล้ายเฮลิคอปเตอร์ และสามารถบินใกล้กับพื้นดินมากกว่า เพื่อตรวจจับปัญหาสิ่งแวดล้อม หาข้อมูลความเสียหายของโครงสร้าง และมองเข้าไปในหน้าต่างเพื่อค้นหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
หุ่นยนตร์ใช้แคปโนกราฟฟี่เซ็นเซอร์เพื่อวัดลมหายใจ ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากระยะไกล

ยาน UVA ถูกใช้เป็นครั้งแรกภายหลังการโจมตี 9/11 ในเมืองนิวยอร์ก เวอร์จิเนีย และเพ็นซิลวาเนีย และได้รับความเชื่อถือจากหน่วยงานกู้ภัยมากมาย ในระหว่างภัยพิบัติเหล่านี้ หุ่นยนต์จะทำงานภายใต้ซากปรักหักพังเพื่อค้นหาเหยื่อของผู้เคราะห์ร้าย และบอกจุดที่จะเข้าไปให้แก่ทีมกู้ภัย (หุ่นยนต์จะเข้าไปในซากปรักหักพังได้ 5-20 เมตรในขณะที่กล้องถ่ายรูปที่อยู่บนขาตั้งได้ 2 เมตร) หุ่นยนต์ยังสามารถเข้าไปยังพื้นที่ที่ลุกไหม้ ช่องว่างที่เสี่ยงต่อการพังทลาย และบริเวณที่เล็กเกินไปสำหรับมนุษย์หรือสุนัขค้นหา นอกจากการรวบรวมและถ่ายทอดข้อมูลให้แก่ผู้กู้ภัยแล้ว หุ่นยนต์ยังนำของเหลวไปให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย และทำการคัดเลือกเบื้องต้นในผู้ป่วยที่หมดสติ

จากคำกล่าวของ ด็อกเตอร์เมอร์ฟี่การออกแบบยาน UVA ในอนาคตจะมีวิทยุ 2 ทาง ซึ่งจะทำให้มันสามารถค้นหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้ถึง 9 เท่า ยานรุ่นต่อไปจะมีกล้องวีดิทัศน์สีที่สามารถดึงภาพเข้ามาใกล้ได้ และใช้ LED แทนการใช้แสงฮาโลเจน ซึ่งจะลดความเป็นไปได้ที่ยานจะติดไฟในบรรยากาศที่มีการระเบิด ยาน UVA รุ่นที่ 2 เหล่านี้จะกันน้ำได้ด้วยและมีความสามารถในการอ่านอุณหภูมิรอบ ๆ และทำงานได้ในสภาพ เช่น ควัน น้ำ อันตรายต่อชีวิต และกัมมันตภาพรังสี

ด็อกเตอร์เมอร์ฟี่ มองในด้านดีเกี่ยวกับการใช้ UVA ในอนาคต เช่นการช่วยวิศวกรทางหลวงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและดำเนินการต่อไป การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กู้ภัยในการช่วยชีวิต เธออธิบายว่า UVA เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น และการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากและเป็นบวกมากมายในเทคโนโลยีการช่วยชีวิตแบบประดิษฐ์อยู่แค่เอื้อมนี่เอง

ตามที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่า “ภัยพิบัติธรรมชาติไม่ได้เกิดจากด้านธรณีวิทยาเสมอไป แต่มาจากบรรยากาศของโลก เมื่อมนุษย์ปฏิบัติต่อกันอย่างไม่ยุติธรรมและด้วยความเกลียดชัง บรรยากาศที่ขุ่นเคืองชั่วร้ายเหมือนสงครามก็จะถูกสร้างขึ้นมา และจากสิ่งนี้นี่เองที่ภัยพิบัติมากมายถูกสร้างขึ้น” ดังนั้น ความคิดที่เป็นลบซึ่งดูเหมือนไม่ทำร้ายใครจากมนุษย์ได้สร้างพลังงานชนิดหนึ่งขึ้นมาซึ่งสามารถสร้างภัยพิบัติได้ ตามที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า “พระเจ้าให้ความรักและให้อภัยตลอดกาล” ดังนั้น แม้ว่ามนุษย์จะได้สร้างพิษภัยให้แก่โลก พระองค์ก็ยังคงประทานเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงเช่นนี้ให้แก่เรา อย่างเช่น UVA ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถช่วยในงานบรรเทาทุกข์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณของเราที่มีต่อความกรุณาของพระเจ้า เราจึงควรให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือสังคมอย่างไร้ซึ่งตัวตน และรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยมหัวใจ ซึ่งจะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่สงบสุขมากขึ้น ด้วยวิธีนี้โลกของเราจะไม่เพียงแต่จะได้รับการยกระดับทางจิตวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีวิธีการที่จะก้าวหน้าอื่น ๆ มากมายเพื่อรักษาโลกและทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากขึ้น

 

ส่งหน้านี้ต่อให้เพื่อน ๆ