เทคโนโลยียุคทอง

สร้างพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับยุคทอง

โดยพี่ประทับจิตชายริชารด์ สตีวอร์ท ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

ท้ายรถแวนของผู้เขียนมีป้ายเขียนไว้ว่า “ใช้น้ำมันจากน้ำมันพืช”

 

ใช่ รถยนต์นั้นไม่ดี บางทีเธอควรที่จะเริ่มต้นอะไรบางอย่าง เธออาจจะเขียนคำขวัญ สำหรับท้องถนนว่า “หยุดควันทั้งหลายนี้ ประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ!”

~โดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่

ได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของท่านอาจารย์

ในเดือนมกราคม 2548 โดยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคำว่ากล่าวตักเตือนมากมายของท่านอาจารย์ชิงไห่ที่มีต่อผู้ประทับจิต เรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อม ผมจึงได้เริ่มธุรกิจแปลงเครื่องยนต์ดีเซลให้วิ่งด้วยน้ำมันพืชที่ใหม่และสะอาด หรือน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว คำขวัญของบริษัทคือ “พัฒนาสภาพแวดล้อมของโลกด้วย ‘พลังแสงแดดเหลว’” (ซึ่งก็คือเชื้อเพลิงจากน้ำมันพืช)

ถ้อยคำโต้ตอบที่ให้แรงผลักดันผมเป็นพิเศษคือ“สนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อมและช่วยกอบกู้โลกเรา”ที่ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา วันที่ 4 สิงหาคม 2542 (โปรดดูธรรมสารฉบับที่ 154 หน้า 22 ‘คำถามและคำตอบที่เลือกสรรแล้ว’) ในระหว่างการสนทนาท่านอาจารย์และผู้ฟังได้พูดดังต่อไปนี้

ถ. ถ้าหากท่านคิดว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคทอง โลกจะดีขึ้นหรือไม่?

อ.
ดีขึ้น เธอไม่รู้สึกหรือว่าโลกกำลังดีขึ้นอยู่แล้ว?

ถ.
ปัญหาก็คือไอเสียของรถยนต์ จะต้องมีการประดิษฐ์ทางแก้ของปัญหาให้มากขึ้น เพราะว่าผมไม่ชอบไอเสีย

อ.
“ถูกต้อง มันแย่ เมื่อฉันเห็นไอเสียของรถยนต์และสูดมันเข้าไป มันทำให้ฉันรู้สึกแย่มาก”

แล้วในการพูดอันเดียวกันนั้น ท่านอาจารย์ก็พูดว่า “ใช่ รถยนต์นั้นไม่ดี เธอพูดถูก บางทีเธอควรที่จะเริ่มต้นอะไรบางอย่าง เธออาจจะเขียนคำขวัญสำหรับท้องถนนว่า “หยุดควันทั้งหลายนี้ ประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ!” แล้วในที่สุดท่านก็ได้แนะนำว่า “เราจะทำอย่างดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ และหวังว่าโลกจะเรียนรู้ ขอให้แบ่งปันข้อมูลอะไรก็ตามที่เธอสามารถทำได้กับใครก็ตามที่เธอรู้จักอย่างน้อยทางด้านวัตถุ”

ช่วงเวลาแห่งการค้นคว้าวิจัยและคำทำนายของด๊อกเตอร์ดีเซล

หลังจากที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ผมก็ได้เห็นรายงานข่าวของเอ็นบีซีในเดือนเมษายน 2547 เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์ดีเซลที่ใช้น้ำมันพืชที่ใช้แล้วร้อยเปอร์เซนต์ (WVO) และได้เริ่มต้นค้นคว้าในหัวข้อเชื้อเพลิงทางเลือก ในไม่ช้าผมก็ได้พบว่า ในบรรดาสิ่งทดแทนในขณะนี้สำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลที่มีปิโตรเลียมเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน น้ำมันพืชบริสุทธิ์ใหม่ ๆ หรือใช้แล้วเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ที่ทำให้เกิดสภาพเรือนกระจก และสภาวะโลกร้อนน้อยที่สุด เพราะมันไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ส่วนเกินออกมาในบรรยากาศ ไม่มีการปล่อยกำมะถัน (เหมือนกับเชื้อเพลิงเบนซินและดีเซล) และปลดปล่อยสารอื่น ๆ ออกมาต่ำมาก เช่น ไนตาร์ซอ๊อกไซด์ คาร์บอนมอนอ๊อกไซด์ และอนุภาพต่าง ๆ(เขม่าควัน)

การไม่มี “คาร์บอนไดอ๊อกไซด์สุทธิ” นี้สืบเนื่องมาจากความจริงที่ว่า คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาจากเครื่องยนต์ที่วิ่งด้วยน้ำมันพืช จะถูกนำกลับไปสู่ต้นพืชที่ผลิตมันด้วยการสังเคราะห์แสง (ขบวนการที่พืชเติบโตโดยการใช้ก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพื่อสร้างน้ำตาลและออกซิเจน) ผลที่ได้คือ ต้นพืชจะผลิตน้ำมันพืชเพิ่มมากขึ้น เพื่อเผาผลาญในเครื่องยนต์และอื่น ๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันในนามของ “วัฏจักรคาร์บอนต่อเนื่อง”

ในทางตรงกันข้าม การเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มาจากซากพืชซากสัตว์ เช่น น้ำมันเบนซินและดีเซลที่มีปิโตรเลียมเป็นองค์ประกอบพื้นฐานทำให้เกิดสภาพเรือนกระจกเป็นอย่างมาก และส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน เพราะเชื้อเพลิงเหล่านี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ส่วนเกินออกมาเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งได้ถูกเก็บไว้ในเปลือกโลกของเราเป็นเวลานับล้าน ๆ ปี และเข้าสู่ในอากาศในปริมาณที่มากเกินกว่าที่จะถูกดูดซับกลับเข้าไปใหม่โดยต้นพืชของโลกจากขบวนการสังเคราะห์แสง

ด๊อกเตอร์รูดอล์ฟ ดีเซล ผู้ประดิษฐ์เครื่องยนต์ดีเซลและผู้สนับสนุนเชื้อเพลิงน้ำมันพืช

 

ผมยังได้เรียนรู้อีกด้วยว่าจากปี พ.ศ. 2433 ถึง 2456 ที่ด็อกเตอร์รูดอล์ฟ ดีเซล นักประดิษฐ์เครื่องยนต์ดีเซลได้เสียชีวิตลง เขาได้ใช้น้ำมันถั่วลิสงและน้ำมันพืชอื่น ๆ เป็นเชื้อเพลิง และได้จัดแสดงเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันถั่วลิสงในงานนิทรรศการปี พ.ศ.2441 ในกรุงปารีส ความจริงในช่วงเวลานั้น ด็อกเตอร์ดีเซลได้กล่าวว่า “เครื่องยนต์ดีเซลสามารถใช้น้ำมันพืชได้ และจะช่วยเหลือการพัฒนาเกษตรกรรมเป็นอย่างมากในประเทศที่ใช้มัน” และเขายังได้ทำนายอีกด้วยว่า การใช้น้ำมันพืชเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์อาจดูไม่มีความสำคัญในวันนี้ (พ.ศ.2455) และในเวลาข้างหน้า น้ำมันดังกล่าวนี้อาจมีความสำคัญเท่า ๆ กับปิโตรเลียม”

ข้อมูลที่น่าทึ่งนี้ได้กระตุ้นความสนใจของผมต่อไป ดังนั้น ผมจึงรีบทิ้งรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินของผม แล้วซื้อรถที่ใช้น้ำมันดีเซล และแปลงมันให้วิ่งด้วยน้ำมันพืชร้อยเปอร์เซ็นต์ จากนั้น เพื่อนช่างกลของผม (ด้วยความช่วยเหลือเล็กน้อยจากผม) ก็ได้แปลงรถแวนเมอร์ซิเดสเบนซ์ที่ใช้น้ำมันดีเซลรุ่นปี 2527 โดยใช้เครื่องแปลงที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว และในเดือนธันวาคม 2547 ผมก็ได้เริ่มต้นขับรถน้ำมันพืชใช้แล้วบริสุทธิ์ ซึ่งผมเก็บรวบรวมมาจากห้องครัวของศูนย์แอลเอและภัตตาคารท้องถิ่นกรองมัน แล้วใส่เข้าไปในถังน้ำมันของผม วันแรกที่ผมเริ่มขับรถน้ำมันพืชใช้แล้วไปตามทางหลวง และได้กลิ่นไอเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ที่สะอาดของน้ำมันพืชใช้แล้ว ซึ่งมีกลิ่นของเต้าหู้ทอดจากภัตตาคารมังสวิรัติที่ผมไปเอามันมา ผมก็รู้สึกหลุดพ้นทันที จากอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและนึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์ที่พูดว่า “หยุดควันทั้งหลายนี้ ประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ!”

 

อาชีพด้านสิ่งแวดล้อม เริ่มต้นด้วยพระกรุณาของท่านอาจารย์

เมื่อรถยนต์ที่วิ่งด้วยน้ำมันพืชเป็นคันแรกเสร็จสมบูรณ์ลง ผมก็ได้ตัดสินใจหยุดพักการสอนที่วิทยาลัยท้องถิ่น และเริ่มต้นส่งเสริมการแปลงเครื่องยนต์ใช้น้ำมันพืชแบบเต็มเวลา ก้าวแรกของผมคือ การติดต่อกับวิทยาลัยท้องถิ่น ธุรกิจที่มุ่งเน้นด้านสุขภาพ และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ว่าพวกเขาอยากฟังเกี่ยวกับเชื้อน้ำมันพืชและประโยชน์ที่มีต่อระบบนิเวศน์และสุขภาพของพวกเขาหรือไม่ ไม่นานนัก ผมก็ได้รับการตอบรับทางด้านบวกมากมายจากการไต่ถามของผม และได้รับเชิญไปพูดที่งานชุมนุมของคลับซีเออร์รา ปาร์ตี้สีเขียว กลุ่มช่วยกู้โลกนานาชาติ และกลุ่มอื่น ๆ และตามวิทยาลัยหลายแห่ง และแผนกงานสาธารณะของแอลเอ การพูดเหล่านี้ได้ช่วยงานขายเป็นจำนวนมากสำหรับธุรกิจของผม และเนื่องจากความชำนาญด้านเครื่องยนต์ของผมมีขีดจำกัด ผมก็ได้สวดขอถึงท่านอาจารย์ให้สามารถหาร้านเครื่องยนต์ที่สามารถแปลงเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันพืชใช้แล้ว

และในขณะที่ผมกำลังเก็บน้ำมันพืชใช้แล้วจากภัตตาคารที่ผู้ประทับจิตเป็นเจ้าของในชายหาดฮันทิงตัน แคลิฟอร์เนีย คนขับรถดีเซลที่ขับรถผ่านไปก็ได้ถามผมเรื่องรถใช้น้ำมันพืชของผม ซึ่งมีป้ายติดที่กระจกรถว่า “ใช้พลังงานจากน้ำมันพืช” ชายผู้นี้ยังได้แนะนำช่างของเขาให้ผม ซึ่งสนใจทันทีที่จะทำการแปลงรถใช้น้ำมันพืช ดังนั้น คำสวดของผมก็ได้รับการตอบ ต่อมาผมก็สามารถหาอะไหล่ที่จำเป็นต่าง ๆ สำหรับการแปลงเครื่องยนต์ จากผู้จัดจำหน่ายท้องถิ่นหรือประกอบมันขึ้นมาที่ร้านอะไหล่เครื่องยนต์ ซึ่งสามารถเดินไปได้จากร้านที่ทำการแปลงเครื่องยนต์! นอกจากนี้ผมก็รีบหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการกรองน้ำมันในโรงรถของผม เพื่อทำน้ำมันพืชใช้แล้วที่สะอาดให้กับตัวผมและลูกค้าของผม และธุรกิจของผมก็ดำเนินไปด้วยดี

บทสรุป

การจัดการอันน่ายินดีนี้ดูดีเกินไปที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้ แต่หลังจากบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิมมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ผมก็ได้ตระหนักว่า ไม่มีอะไรที่น่าอัศจรรย์เกินกว่าจะประสบความสำเร็จได้ จากความช่วยเหลือของท่านอาจารย์ ในขณะนี้โรงรถของผมที่ใช้กรองน้ำมันได้ขยายไปสู่สถานที่ที่ใหญ่กว่าในย่านการค้าใกล้ ๆ ในแง่ของธุรกิจการแปลงเครื่องยนต์ใช้น้ำมันพืชและการกรองซึ่งก้าวหน้าและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมรู้สึกว่า พลังของท่านอาจารย์มีอิทธิพลอย่างแรงต่อความเติบโตของมัน และหวังว่าด้วยความช่วยเหลืออันเต็มไปด้วยความรักของท่าน บริษัทจะสามารถรับใช้มวลมนุษย์ต่อไปและทำประโยชน์ให้กับสิ่งแวดล้อมของโลก

ขอบคุณท่านอาจารย์สำหรับพระกรุณาธิคุณและความช่วยเหลือของท่าน และเพื่อเป็นการกล่าวย้ำถ้อยคำของท่าน “เราจะทำอย่างดีที่สุดที่สามารถทำได้ และหวังว่าโลกจะเรียนรู้” เพื่อว่าบรรยากาศของโลกเราจะเหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในช่วงยุคทองที่กำลังปรากฏขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำมันพืชที่เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ผลกระทบของเชื้อเพลิงน้ำมันพืชใช้แล้วต่อสภาพแวดล้อม ขบวนการแปลงเครื่องยนต์ใช้น้ำมันพืชใช้แล้วและอื่น ๆ โปรดเยี่ยมเว็ปไซต์ต่อไปนี้
http://www.diesel2veg.com
http://www.greasecar.com
http://journeytoforever.org/biodiesel_svo.html