รายงานสื่อมวลชน

เจริญรุ่งเรืองในยุคทอง


เพื่อสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับมนุษยชาติให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เราจะต้องเรียนรู้ที่จะสงวนทรัพยากรอันมีค่าทั้งหมดของเรา

โดยกลุ่มข่าวซานฟรานซิสโก (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

ทฤษฎีจุดสูงสุดของน้ำมัน

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการขาดแคลนน้ำแล้ว ในขณะนี้นักวิทยาศาสตร์บางคนได้เชื่อว่ามนุษย์ชาติกำลังเข้าสู่ยุค “จุดสูงสุดของน้ำมัน” ซึ่งเป็นช่วงที่ครึ่งหนึ่งของแหล่งน้ำมันของโลกได้ถูกใช้ไป และมันจะยากมากขึ้นที่จะสกัดน้ำมันที่เหลือออกมาใช้ และจะอยู่ในรูปที่ยากแก่การนำมาใช้ และจากคำกล่าวของนักเขียนเหล่านี้ แหล่งพลังงานอื่น ๆ ที่หาได้ในปัจจุบันนี้ เช่น ก๊าซธรรมชาติ พลังแสงอาทิตย์ พลังมวลชีวะ (แหล่งจากพืชและสัตว์) ไฮโดรเจนหรือนิวเคลียร์จะไม่สามารถทดแทนน้ำมัน 80 ล้านบาร์เรลที่มนุษย์บริโภคในแต่ละวันได้

ในขณะที่น้ำมันอาจจะหาได้ยากขึ้น ก็เป็นที่คาดว่าความต้องการจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกประเทศต้องการน้ำมันในรูปน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลเพื่อขนส่งสิ่งของต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์และผู้คน และความต้องการนี้กำลังเพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเช่นอินเดียและจีน นอกจากน้ำมันก็มีความจำเป็นในการผลิตพลาสติก เวชภัณฑ์ สี และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ มากมายที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวัน การผลิตอาหารพึ่งพาน้ำมันเป็นพิเศษ นับตั้งแต่การเตรียมดิน ยาฆ่าแมลง และการชลประทานไปจนถึงการเก็บเกี่ยว การแปรรูป การบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ และการขนส่ง ดังนั้นหากปราศจากน้ำมัน โลกทันสมัยส่วนใหญ่จะหิวโหย

นักเขียนบางคนได้ทำนายว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่มีรากเหง้ามาจากการพร่องลงของแหล่งน้ำมันจะเริ่มขึ้นภายใน 10 ปีข้างหน้านี้ นักเขียนคนอื่น ๆ เชื่อว่า แหล่งน้ำมันสำรองของโลกจะมีให้ใช้ไปได้นานกว่านั้น ยกตัวอย่าง การประเมินปิโตรเลียมของโลกโดยกรมสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกาได้คาดคะเนว่า จากอัตราการเอาปิโตรเลียมมาใช้ในปัจจุบันโลกจะมีปิโตรเลียมพอเพียงที่จะผลิตต่อไปในระดับที่เป็นอยู่ขณะนี้เป็นเวลา 50-100 ปี

ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดก็ตาม การลดความต้องการน้ำมันของเราเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อพิจารณาถึงปัญหา อย่างเช่น การผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ล้นเกินจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มาจากซากพืชซากสัตว์ และผลจากภาวะโลกร้อน ซึ่งกำลังมีผลกระทบต่อโลกของเราขณะนี้ ในเวลาเดียวกันเราก็สามารถเร่งการพัฒนาแหล่งพัฒนาแหล่งพลังงาน ที่สามารถทำขึ้นมาใหม่และไม่มีมลภาวะ เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมและกระแสน้ำ และพลังงานชีวภาพ เช่น น้ำมันพืชเพื่อเป็นพลังงานของเครื่องยนต์ดีเซล และแปลงวิธีการทำการเพาะปลุกแบบเกษตรอินทรีย์ด้วย

ขบวนการเทอร์มอลดีพอลีเมอไรเซฌัน

เทคโนโลยีแบบใหม่และง่ายอีกอย่างได้ปรากฏขึ้น ซึ่งอาจช่วยในการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงที่มาจากซากพืชซากสัตว์ และช่วยจัดของเสียอินทรีย์ที่มนุษย์สะสมลงมาได้ ซึ่งได้แก่ ขบวนการเทอร์มอลดีพอลีเมอไรเซฌัน (Thermal Depaolymerization,TDP) ซึ่งเลียนแบบวิธีการที่ธรรมชาติย่อยสลายสสารอินทรีย์เชิงซ้อนออกมาเป็นโมเลกุลง่าย ๆ ซึ่งประกอบด้วยน้ำมันและก๊าซ อย่างไรก็ตามแทนที่จะใช้เวลานับพัน ๆ ปี และสภาพที่มีความร้อนจัดและความดันสูงมาก ๆ เหมือนกับการผลิตน้ำมันที่มาจากซากพืชซากสัตว์ ขบวนการ TDP นี้ให้ผลลัพธ์แบบเดียวกันภายในไม่กี่ชั่วโมงโดยการใช้ถัง ท่อ ปั๊ม และเครื่องทำความร้อน ซึ่งสามารถประกอบได้ที่โรงรถหลังบ้าน

บริษัทเชนจ์จิ่ง เวลด์ เทคโนโลยี ได้สร้างโรงงาน TDP ในมิซซูรี่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้น้ำเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและแปลงมูลสัตว์ 210 ตันต่อวัน ให้เป็นก๊าซ ปุ๋ยน้ำ แร่ธาตุแบบแห้ง คาร์บอน น้ำ และน้ำมันแบบปิโตรเลียมชนิดคุณภาพสูง 70 ตัน (500 บาร์เรล) พลังงานที่ผลิตได้จาก TDP แค่ 15% เท่านั้นที่ถูกใช้เป็นขบวนการผลิต โดยจะให้พลังงานสุทธิออกมา 85%

ขบวนการเทอร์มอลดีพอลีเมอไรเซฌันไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เป็นการใช้อุณหภูมิต่ำ ความดันต่ำซึ่งสามารถสร้างเป็นขนาดต่าง ๆ กัน และผลิตผลผลิตพลอยได้ที่มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจเท่านั้น เมื่อนำขบวนการนี้ไปใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงเศษพืชหรือของเสียจากสัตว์ ก็จะให้น้ำมันและก๊าซซึ่งไม่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน เจ้าของได้อ้างว่า TDP สามารถแปลงยางรถยนต์เก่า ๆ ขวดพลาสติก ตะกอนจากการขุดลอกท่าเรือ คอมพิวเตอร์ใช้แล้ว อุจจาระจากท่อโสโครกของเทศบาล เยื่อกระดาษ ของเสียทางการแพทย์ และกากจากการกลั่นน้ำมันให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและมีค่าแบบเดียวกัน แม้ว่าของเสียเช่นนั้นจะต้องใช้การเตรียมการที่จะต้องใช้พลังงานอย่างมากก่อนการแปรรูป เครื่องแปลง TDP เป็นระบบที่มีค่าใช้จ่ายต่ำและเป็นการกระจายจากศูนย์กลางที่ทำให้เมืองหรือหมู่บ้านสามารถผลิตเชื้อเพลิงและปุ๋ยของตัวเองได้

ทั้ง ๆ ที่มีข้อได้เปรียบต่าง ๆ แต่ TDP ก็ไม่สามารถทดแทนน้ำมันที่มาจากซากพืช ซากสัตว์ได้อย่างสมบูรณ์ในฐานะเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกได้ ยกตัวอย่างการใช้ TDP สหรัฐอเมริกาจะต้องแปรรูปของเสียวันละเกือบ 10 ล้านตัน เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการในขณะนี้ และแม้ว่าวัตถุดิบที่ขบวนการนี้ใช้แปรรูปอาจจะถูกทิ้งให้เป็นของเสียไป แต่วัสดุเช่นว่านี้ถูกผลิตขึ้น (หรือปลูก) จากการใช้น้ำมัน และมันจะหาได้ยากมากขึ้นเมื่อการผลิตน้ำมันลดลง กระนั้นก็ดี ด้วยการเอาพลังงานออกมาจากของเสียที่ทำมาจากน้ำมัน TDP อาจจะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านที่ยากจากพลังงานที่มีคาร์บอนเป็นพื้นฐานไปเป็นแหล่งที่สะอาดกว่า ง่ายกว่า อย่างเช่น พระอาทิตย์ ลม และกระแสน้ำ เป็นไปด้วยความง่ายขึ้น

สร้างอนาคตที่เป็นบวก

จริง ๆ แล้วขบวนการอย่างเช่น TDP อาจจะสามารถเป็นได้แค่มาตรการชั่วคราวเท่านั้น เพราะปัญหาของมนุษยชาติไม่ใช่เป็นเพียงแค่การขาดแคลนแหล่งของพลังงานที่เพียงพอเท่านั้น เพียงแค่การกระโดดจากเทคโนโลยีหนึ่งไปยังอีกเทคโนโลยีหนึ่งจะไม่มีวันสามารถแก้ปัญหาจากการใช้ธรรมชาติผิด ๆ ของเราที่กำลังเพิ่มมากขึ้นได้ โดยเฉพาะถ้ามันส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานด้วยการตัดไม้ทำลายป่า แผ้วถางพื้นที่เพาะปลูก การสร้างมลพิษซึ่งลดแหล่งน้ำสะอาดของเรา และยังคงทำให้มีการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชต่อไป มีการเสื่อมสลายของหน้าดิน การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและการทำให้อากาศ พื้นดิน และน้ำสกปรกด้วยสารเคมีและนิวเคลียร์

เพื่อสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับมนุษยชาติให้สอดคลองกับธรรมชาติ เราจะต้องเรียนรู้ที่จะสงวนทรัพยากรอันมีค่าทั้งหมดของเรา ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกว่า มีความอ่อนไหวให้มากขึ้นต่อโลก และมุ่งเน้นเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน เพื่อสิ่งจำเป็นของชีวิตในด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และชุมชน การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ส่งเสริมการเพาะปลูกแบบอินทรีย์ในหมู่เพื่อนบ้าน ติดตั้งแผงแสงอาทิตย์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแรงลมตามบ้านและอาคารสาธารณะ และการนำของเสียที่เป็นของแข็งและอุจจาระกลับมาใช้ใหม่ นับเป็นวิธีการบางอย่างที่ผู้คนเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับยุคภายหลังยุคน้ำมัน

แต่หากปราศจากการสนับสนุนจากรัฐบาลระหว่างประเทศ ก็จะเป็นการยากที่จะส่งเสริมโครงการเหล่านี้ให้มีขนาดที่ใหญ่พอเพียง สงครามได้เกิดขึ้นแล้วเพื่อแย่งชิงแหล่งน้ำมันที่ยังเหลืออยู่ ในขณะที่ผู้ที่ไม่รู้แจ้งจนตรอกมากขึ้นที่จะควบคุมโลกใบเดียวเท่านั้นที่พวกเขารู้จัก การเขียนจดหมายไปยังหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆ ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและมีการประชุมในชุมชน ต่างก็มีประโยชน์ทั้งนั้นในการเคลื่อนสังคมไปสู่พฤติกรรมที่ให้ความช่วยเหลือและเมตตากรุณามากขึ้น

ยุคทองได้ปรากฏขึ้นแล้ว แต่มันจะสามารถพัฒนาได้ต่อไปก็ด้วยความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณของมนุษย์เท่านั้น เพื่อว่ามิติทางวัตถุอาจจะถูกแปรเปลี่ยนโดยจิตวิญญาณ สำหรับโลกที่บางครั้งดูเหมือนจะเดินผิดทางไป การพร่องลงของทรัพยากรที่เป็นวัตถุหลักอย่างเช่นน้ำมัน สามารถเป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องหันความสนใจไปสู่ธรรมชาติความรัก และวิวัฒนาการของจิตสำนึกอย่างมีเป้าหมายให้มากขึ้น ไม่ว่ามันอาจจะยากเพียงไรในระยะสั้น ๆ

แหล่งสำหรับการค้นคว้า :
Peak Oil:
http://news.bbc.co.uk/2/hi/science/nature/3623549.stm
http://www.museletter.com/archive/135.html
http://energy.cr.usgs.gov/

Thermal Depolymerization:
http://www.discover.com/issues/jul-04/features/anything-into-oil/
http://www.changingworldtech.com/

Community Solutions:
http://www.postcarbon.org
http://www.pathtofreedom.com
http://www.communitysolution.org/