^^นางสาวบีธูน
♥♥♥♥♥♥
(ผู้หญิงผมสีบรอนซ์ตรงกลางแถวหน้า) กับเด็กที่พิการทางร่างกายของอินฟินิท ดรีม

รายงานพิเศษ

ยูเอสเอ ทูเดย์
รางวัลฮีโร่ของฮอลลีวูด

 

 

รายงานโดยทีมบันเทิงลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

ในวันที่ 17 พฤษภาคม ปีทองปีที่ 3 (2549) ยูเอสเอ ทูเดย์ หนังสือพิมพ์ที่มีคนอ่านนับล้านล้านคนทั่วโลก ได้จัดงานเลี้ยงยูเอสเอ ทูเดย์ รางวัลฮีโร่ของฮอลลีวูด ณ เบฟเวรี่ ฮิลส์ ฮิลตัน ในเบฟเวรี่ ฮิลส์ แคลิฟอร์เนีย ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้รับเชิญเป็นแขกพิเศษในงานนี้ แต่เนื่องจากหมายกำหนดงานอันยุ่งของท่านทำให้ท่านไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ กระนั้นก็ดี ท่านอาจารย์ชิงไห่ได้ส่งความยินดีในนามของท่านไปให้นางสาวบีธูน รวมทั้งความปรารถนาดีต่อเด็กโดยผ่านตัวแทนซึ่งเข้าร่วมงาน

การกล่าวนำในงานเลี้ยงมอบรางวัลนี้ก็เพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคลในวงการบันเทิงในชุมชนฮอลลีวูด ซึ่งได้ทำให้งานอาชีพของเขาหรือเธอเป็นจุดเด่นด้วยงานรักเพื่อนมนุษย์ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องกับองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร และได้ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้อื่นสมบูรณ์ขึ้นอย่างมาก งานรางวัลฮีโร่ของฮอลลีวูดประจำปีครั้งแรกในปีนี้เป็นของซีน่า บีธูน สำหรับงานของเธอที่มีต่อเด็กพิการทางจิตและร่างกาย โครงการของเธอที่ชื่อ อินฟินิท ดรีม ที่มีความพิการทางร่างกาย ว่าพวกเขาสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดทางร่างกายและจิตใจของพวกเขาได้ด้วยรูปแบบของการเต้นรำและศิลปะ อินฟินิท ดรีม ได้รับรางวัลมากมายรวมถึงรางวัลของสหประชาชาติ คือ “Medaille d’ Excellence”

นางสาวบีธูนก็มีประสบการณ์ในความพิการทางร่างกายอย่างหนัก คือ ความพิการทางข้อต่อ ความพิการทางกระดูกไขสันหลัง และ ความพิการทางต่อมน้ำเหลือง เธอได้ผ่าตัดมา 9 ครั้ง การผ่าตัดในบางครั้งก็เป็นการทดลอง และต้องพึ่งการฝึกเต้นรำที่มีมาแต่ก่อนของเธอกับจอร์จ บาลอนเชีย เพื่อสอนให้เธอเดินและเต้นรำได้อีกครั้ง สืบเนื่องจากประสบการณ์ส่วนตัวของเธอเอง นางสาวบีธูนจึงได้อุทิศพลังกายและเงินของเธอ เพื่อนำศิลปะการแสดงให้แก่เด็กๆ ที่มีความพิการ สอนพวกเขาให้มีความกล้าหาญที่จะเอาชนะขีดจำกัดทางร่างกายของตัวเอง

ครั้งหนึ่งท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้กล่าวในระหว่างคำถามคำตอบเกี่ยวกับศิลปินว่า “นักดนตรีและศิลปินเป็นนักบุญครึ่งหนึ่ง ซึ่งมาจากจิตสำนึกที่สูงมาก พวกเขาต้องการรับใช้โลกทางด้านความงามและทำให้โลกงดงาม”

ดังนั้น เราจึงสามารถเห็นธรรมชาติที่เป็นนักบุญในนางสาวบีธูน จากความรักของเธอที่มีต่อการเต้นรำและศิลปะ และการอุทิศตนเสียสละในการช่วยเหลือเด็กๆ ที่พิการให้เอาชนะอุปสรรคทางร่างกายของพวกเขา และการหมกมุ่นตัวเองอยู่ในศิลปะที่เป็นอย่างนักบุญ
เด็กๆ ที่ท้าทายทางร่างกายของอินฟินิท ดรีม ซึ่งจัดงานแสดงหลายอย่างเพื่อรับแขกในเย็นวันนั้น

"ศิลปะของการเต้นรำสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดทางด้านร่างกาย และขีดจำกัดที่เป็นพิมพ์เดียวกันได้จริงๆ" นางสาวบีธูนผู้อำนวยการศิลปะของบีธูนเทียเธอร์แดนซ์ แอนด์ อินฟินิท ดรีม กล่าวว่า “จริงๆ แล้ว จิตวิญญาณไม่ได้พิการ การเต้นรำไม่ได้หมายความว่า เด็กจะเอื้อมไปที่แขนขาของเขาได้แค่ไหน มันเป็นการสร้างสรรค์ การแบ่งปัน และการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นความงาม เราไม่ได้ถามว่า ‘คุณสามารถเคลื่อนไหวได้มากแค่ไหน?’ เราพูดว่า ‘มาเต้นรำกับพวกเราสิ”

เด็กชายตัวน้อยๆ คนหนึ่งในระหว่างการแสดงได้เล่าว่า “พวกเขาบอกผมว่า ผมไม่สามารถเดินได้แล้ว แต่พวกเขาไม่เคยพูดว่า ผมไม่สามารถเต้นรำได้” คำกล่าวเหล่านี้แสดงชัดเจนว่า พระเจ้าสร้างปาฏิหารย์ภายในตัวพวกเราทุกคนจริงๆ อย่างไร

ตามที่นางสาวบีธูนได้กล่าวว่า วิญญาณของเรานั้นไม่พิการ กายเนื้อนี้ จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าเปลือกเกี่ยวกับธรรมชาติของกายเนื้อของเรา ท่านอาจารย์ชิงไห่ครั้งหนึ่งเคยพูดถึงในระหว่างปาฐกถาธรรมทัวร์ยุโรป ในบูดาเปส ฮังการี “ตามประสบการณ์ของจิตวิญญาณเรา ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวตนที่เป็นวัตถุนี้เท่านั้น แต่เราเป็นตัวตนที่มีหลายชั้น เรานั้นยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่กว่าที่เราสามารถจินตนาการว่าตัวเราจะเป็นได้ ยิ่งเราเข้าไปยังบรรยากาศอันลึกลับของจักรวาลลึกมากเท่าไร เราก็จะสามารถพบได้มากขึ้นเกี่ยวกับตัวเรา: ว่าเราดำรงอยู่ในระดับของจิตสำนึกต่างๆ กันมากมายในเวลาเดียวกับที่เราดำรงอยู่ ณ ที่นี้ขณะนี้และในโลกนี้

เราสามารถไปเยือนสวรรค์ในระหว่างเวลาว่างของเราได้ และกลับมายังกายเนื้อนี้เพื่อทำชีวิตของเราให้สำเร็จตามที่ตั้งไว้ จากนั้น เราก็รู้ว่า เราไม่ใช่ร่างกายทางวัตถุ เราเป็นบุตรของพระเจ้าจริงๆ มันไม่ใช่เพราะเรารู้ในเรื่องนั้น แต่มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ภายใน การหลอมรวมกันกับพลังของจักรวาล ความเป็นหนึ่งเดียวของจักรวาล ซึ่งจะทำให้เรากลายเป็นตัวตนที่แตกต่างออกไป กลายเป็นตัวตนที่แท้จริง เป็นชาวสวรรค์ในโลกนี้ แล้วเราก็จะไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากความหฤหรรษ์และความสุขในขณะที่อยู่ในโลกนี้” (โปรดดูข่าวฉบับ 107 “อาจารย์กล่าว”)

ท่านอาจารย์ชิงไห่ได้อุทิศชีวิตของท่านบริการที่ไร้ตัวตนและมีเมตตา เพื่อสนองความต้องการของตัวตนทั้งหลายของเรา-ทางร่างกาย สติ ปัญญา และจิตวิญญาณ มากกว่าเพียงแค่ใส่ใจในขีดจำกัดของร่างกายที่เป็นวัตถุ เป็นเวลากว่า 20 ปี ท่านได้เดินทางทั่วโลกเพื่อแบ่งปันข่าวสารแห่งความรักและการรู้แจ้ง จากความช่วยเหลือที่เหมาะกับเวลา และการทำสมาธิวิถีกวนอิม โดยปราศจากการรับเงินบริจาคหรือความช่วยเหลือทางการเงินใดๆ ท่านสนับสนุนงานของท่านด้านมนุษยธรรมและจิตวิญญาณด้วยงานสร้างสรรค์ทางศิลปะของท่านเอง อย่างเช่น ภาพวาด แฟชั่น และงานออกแบบอัญมณี และการประพันธ์ ซึ่งเอ่ยมาเพียงไม่กี่อย่าง จริงๆ แล้ว ท่านอาจารย์ชิงไห่นับเป็นแบบอย่างของนักบุญตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่

 

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ๆ