อาจารย์กล่าว

 

ทำชีวิตให้สะอาด เพื่อให้ทั้งโลกกลายเป็นสวรรค์

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
เซอร์เรย์ สหราชอาณาจักร 8 มกราคม 2549
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

 

จริงๆ แล้ว ถ้าผู้คนในโลกมีปัญญาและมีเหตุมีผลมากกว่านี้ พวกเขาก็ควรจะเลือกผู้นำโลกที่มีความตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณมากกว่านี้ และมีความแจ่มชัดในความคิดมากกว่านี้ แต่เราสามารถทำอย่างนี้ได้เฉพาะโดยการมีวินัยในตัวเองดั่งที่ภูมิปัญญาโบราณกล่าวไว้ ประการแรก เราจะต้องพัฒนาตัวเองก่อน นั่นหมายความว่า เราจะต้องมีวินัยในตัวเองจริงๆ แล้วก็นั่งสมาธิ แล้วก็จะมีปัญญา ปราศจากซึ่งปัญญาแล้ว จะไปนำโลกได้อย่างไร? จะไปช่วยใครได้อย่างไร? ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ด้วยซ้ำ เธอไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่า ตายไปแล้ว เธอจะไปอยู่ที่ไหน! เธอไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่า จะทำอะไรในบางสถานการณ์! เพราะฉะนั้น เธอจะไปนำใครหรือช่วยใครได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงทั้งประเทศด้วยซ้ำ!


โอเค ประการแรก เธอจะต้องพัฒนาตัวเอง หมายความว่า ทำให้ตัวเองมีปัญญาด้วยอะไร? ด้วยวินัยทางสมาธิและเธอทำอย่างนั้นได้ เฉพาะถ้าจิตใจเธอแจ่มใส และร่างกายเธอสบาย ถ้าเธอไม่สบาย เธอจะไปคิดดีได้อย่างไร? เหล้าทำให้เธอแย่ลง เหล้าทำให้เธอไม่สบาย เหล้า บุหรี่ ทำให้เธอไม่สบาย ใคร ๆ ก็ทราบ! แล้วเธอจะไปทำลายตัวเองไปทำไม เวลาที่เธอต้องการนำประเทศชาติ เข้าใจไหม? เพราะฉะนั้น เธอจะต้องมีวินัย แล้วก็นั่งสมาธิเพื่อสงบตัวเธอลง เพื่อพบภูมิปัญญาที่อยู่ภายในตัวเธอ แล้วก็พัฒนาตัวเองด้วย เป็นอย่างนั้น แล้วจากนั้น เธอก็จะสามารถดูแลครอบครัวเธอ แน่นอน! ลูกๆ เธอต้องการเธอ! เด็กตัวเล็กๆ อย่างนั้นจะมองดูเธอดื่มเหล้า สูบบุหรี่ทั้งวัน แล้วเธอจะไปดูแลครอบครัวเธอได้อย่างไร แล้วไปบอกพวกเขาว่า ให้ทำอะไรเมื่อตัวเธอเองก็ไม่ทำ? และจากนั้น เธอถึงกับมีเรื่องชู้สาวด้วยซ้ำ หรืออะไรบางอย่างเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเด็กๆ

เพราะฉะนั้น ประการแรก ให้มีวินัยในตัวเอง เสริมภูมิปัญญา และคุณความดี และจากนั้นเธอก็จะสามารถดูแลครอบครัวได้ นั่นเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ ภูมิปัญญาโบราณไม่ห้ามให้เธอมีครอบครัวด้วยซ้ำไป แต่ให้พัฒนาตัวเอง แล้วจากนั้นเธอก็จะสามารถดูแลครอบครัวเธอได้ต่อไป "เธอก็จะสามารถนำประเทศชาติได้" พวกเขาไม่พูดว่า “นำประเทศชาติ” ด้วยซ้ำไป พวกเขาจะบอกว่า "ทำให้โลกสันติสุข" ดูสิว่า มันยิ่งใหญ่ได้ถึงขนาดไหน? พวกเขาไม่จำกัดอยู่แค่ประเทศชาติประเทศหนึ่งด้วยซ้ำไป ทำให้โลกสันติสุข! นั่นคือพลังอันยิ่งใหญ่ของคนที่พัฒนาแล้ว บุคคลที่มีปัญญาทางจิตวิญญาณ ถ้าโลกมีปัญญาจริงๆ และปลุกตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาคงจะเลือกผู้นำของตนอย่างระมัดระวังกว่านี้

 

ผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณเป็นตัวอย่างที่ส่องแสงให้กับโลก

ฉันคาดเดาว่า รัฐบาลดีๆ ใดก็ตามน่าจะอยากให้ประชาชนของตน มีสุขภาพดี มีความสุขเฉลียวฉลาด นั่นคือเป้าหมายของผู้นำใดก็ตามของรัฐบาล เพราะฉะนั้น ถ้าใครก็ตามช่วยเหลือรัฐบาลในการทำเช่นนั้น พวกเขาก็น่าจะเป็นเหมือนเพื่อนของรัฐบาล และเราก็คือเพื่อนของรัฐบาลจริงๆ เพราะเราดำรงสังคมให้มีสติดี สะอาด มีศีลธรรม สูงส่ง โดยการเป็นตัวอย่างให้เขาดูและเผยแพร่ตัวอย่างนี้ หรือคอยให้คำสอนแก่ทุกคน ทำอยู่แค่นั้น รัฐบาลมิได้คอยบอกอยู่เสมอหรอกหรือว่า "โอ เราต้องการให้ประชาชนของเราปลอดภัย ให้อยู่อย่างสันติสุข อยู่อย่างสะอาด มีความสุข และไร้อาชญากรรม"

เราทำอย่างนั้นเลยล่ะ เพื่อช่วยรัฐบาล! เพราะฉะนั้น ฉันไม่เข้าใจรัฐบาลใดก็ตาม ที่กีดกันเราออกไป รัฐบาลควรจะให้รางวัลเรา และควรชมเชยว่า "โอ พวกคุณทำดี พวกคุณช่วยเรา!" ช่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ด้วยซ้ำ! พวกเขาไม่ต้องจ่ายเงินเรา รัฐบาลใดก็ตาม จะต้องจ่ายเงินให้กับตำรวจของตนหรือให้กับกองทัพ เพื่อที่จะลดอาชญากรรม เพื่อจับกุมอาชญากร เพื่อคุ้มกันประชาชน เราทำอย่างนั้นเลยล่ะ โดยไม่ได้รับเงินอะไร โดยไม่มีการปะทะกันกับตำรวจ โดยไม่ไปทำร้ายใคร โดยไม่ใช้อาวุธเพื่อทำร้ายใครในเบื้องต้น

ลองนึกภาพดู ถ้าใครๆ ทำแต่สิ่งที่เราทำ! โอเค บางทีไม่ต้องรับประทานมังสวิรัติ บางทีในตอนแรก โอเค ไม่ดื่มเหล้า ไม่ใช้ยา ไม่สูบบุหรี่ แล้วเขาก็จะสะอาดมาก มีสุขภาพดีกว่า ประหยัดเงินไปเป็นจำนวนมาก และใครๆ ก็จะมีความสุข จะมีบ้านที่ดี จะมีรถที่ดี จะมีสุขภาพดี มีครอบครัวที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ ที่โรงเรียน จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว ใช่แล้ว จะมีน้อยลง เพราะมายอมรับกันเถิดว่า บางทีลูกๆ ไม่ได้รับการเสี้ยมสอนดีมาจากที่บ้าน พอพวกเขาไปที่โรงเรียน ก็กลายเป็นเด็กที่ชอบไปรังแกคนอื่น เพราะ พวกเขามีตัวอย่างที่ไม่ดีมาจากบ้าน! บางทีพ่อเมาทุกวัน แล้วก็ตบตีคนในครอบครัว ลูกก็เลยเรียนรู้จากตัวอย่างนั้น หรือบางทีเขาไม่สบายใจ บางทีพ่อเมา แล้วพ่อก็ตายไป หรือไปฆ่าคนอื่น แล้วก็ไปเข้าคุก แล้วเขาก็จะอยู่แต่กับแม่ตามลำพัง แล้วก็กลายเป็นเด็กมีปัญหา เขาจึงต้องป้องกันตนเอง โตขึ้นมากลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าว เพราะนั่นคือวิธีเดียว ที่เขารู้จัก--ที่จะมีกำลัง แล้วก็เลยกลายเป็นเด็กที่รังแกคนอื่น เพราะครอบครัวไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดี เขามาจากครอบครัวที่แตกแยก แล้วเธออยากให้เขาทำอย่างไรได้ ไม่มีใครสอนเขานี่! พ่อก็อยู่ในคุก หรือพ่อตาย หรือพ่อเสียแขนขา นอนอยู่ตรงนั้น เป็นผักไปตลอดชีวิต บางทีก็ดื่ม แล้วกลับบ้าน มาตบตีคนในครอบครัว หรือตายไปเพราะเหล้า แล้วจากนั้น ลูกก็ไม่ทราบว่า จะทำอะไรดี เขาจึงเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่คอยป้องกันตัวเอง และมันก็ได้ผล เพราะเด็กที่อ่อนแอกว่าบางคนจะกลัว นั่นคือวิธีที่เขาเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่ก้าวร้าวและชอบแกล้งคนอื่น

ถ้าเราเอาเหล้า แล้วเนื้อสัตว์ เอาบุหรี่ออกไปเสีย ครอบครัวต่างๆ ก็จะดีขึ้นมากแล้ว แล้วโรงเรียนก็จะเป็นสถานที่ดีกว่า เพราะฉะนั้น มันมีผลต่อทุกๆ อย่าง! ผลของชีวิตที่สะอาดมีนั้น เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่จริงๆ! มันไม่ใช่แค่ต่อคนคนหนึ่งหรือครอบครัวหนึ่งๆ มันมีผลกระทบต่อสังคมทั้งหมด

เพราะฉะนั้น ฉันคิดว่า โลกควรจะทำเช่นนี้ ถ้าพวกเขาทำเหมือนกับเรา ปฏิบัติตามตัวอย่างของเรา ไม่ต้องศึกษาสมาธิกับฉันด้วยซ้ำไป หรือกลายเป็นนักบุญทั้งหมดด้วยซ้ำ ฉันไม่จำเป็นต้องสอนพวกเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาพบฉัน สิ่งเดียวที่พวกเขาทำ มีแต่ให้มีชีวิต ที่สะอาด สวดภาวนาถึงพระเจ้าสวดอะไรก็ได้ ที่พวกเขาต้องการ แต่คุณความดี ชีวิตที่ดีของพวกเขาจะมีผลต่อโลกทั้งโลก แล้วทั้งโลกก็จะกลายเป็นสวรรค์ ไม่จำเป็นต้องใช้ฉัน? ไม่ต้องใช้ฉัน!

ทำไมโลกจึงไม่เห็นจุดนี้? ทำไมจึงไม่มีผู้นำของประเทศต่างๆ มาก กว่านี้ ก่อให้เกิดสวรรค์แห่งการใช้ชีวิตอย่างสะอาด มีความสุข และสงบแบบนี้ สำหรับทุกๆ คนใช่ไหม? ถ้าพวกเขาอยากจะดูแลครอบครัว อย่างน้อยก็บังคับให้มันเกิดขึ้น ทำตัวเป็นตัวอย่าง เพราะนั่นคือ สิ่งที่เธอมีพลังจะทำได้ เธอเปลี่ยนแปลงโลก! เธอเป็นผู้นำของประเทศ อย่างน้อยเธอก็เปลี่ยนแปลงประเทศเธอได้

 

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ๆ